วานนี้เกือบเป็นวันที่แบตเตอรี่ชีวิตทะลุซะแล้ว กับงานการที่ปะดังปะเดมาเป็นชุดๆ อย่างสึนามิ ใครที่ไหนจะรับงานใหญ่ระดับเขต ระดับประเทศ เป็นหน้าเป็นตาขององค์กรถี่+กระชั้นขนาดนี้
สัปดาห์ละสองงาน เดือนนี้นับรวมแล้ว 6-7 งานช้างทั้งน้านนนนน...พลาดไม่ได้!!!
"คนพบสุข" จึงออกอาการ "บอกบุญไม่รับ"
นพ.ชาตรี เจริญศิริ คุณหมอต้อม เจ้าของบล๊อค "สื่อสารสุข" http:\\gotoknow.org\c4hnews เห็นฉันป้อแป้เต็มที จึงชวนคุย
"...ลุยงานแบบไม่มีเวลาหายใจ แบบกลั้นหายใจทำเร่งๆ ให้เสร็จแบบนี้ มันทุกข์หรือสุข..." ฉันตอบอย่างจริงใจที่สุดในชีวิต "...กำลังสุกได้ที่เลยเจ้าค่ะ..."
หมอต้อมให้สติว่าทำอย่างนี้ปัญญาไม่เกิด เพราะไม่ให้โอกาสปัญญาตกผลึกเลย มันอยู่กับงานแต่ไม่ตกตะกอน คนที่ผ่านโลกมาค่อนคนอย่างหมอต้อมแนะให้
"...พักยกสามนาที แล้วต่อยใหม่..."
พักเพื่อใคร่ครวญพิจารณา ทบทวนว่าครู่นี้ วันนี้ วานนี้ เราทำอะไร กับใคร อย่างไร แล้วมาออกแบบ action ว่าจะลุย จะต่อยปล่อยเพลงหมัดแบบไหน
มี action แล้วต้องให้เวลาใคร่ครวญ หรือ reflection จึงจะเกิด LEARNING
แล้วลุยงานต่อ อย่างคนปัญญาเพิ่ม
สารภาพตรงเลยนะ ที่ฉันลุย...ลุย...ลุยนั้น แทบจำไม่ได้ว่าทำอะไร กับใคร
ที่ทำไปนั้น "ทำอย่างไร" แทบจำไม่ได้เลยนิ เพราะไม่มี reflection
หมอต้อมโหลดวงจรเขียนโดย Penny Coutas มาย้ำว่า การแบ่งเวลาให้เกิด Reflection นั้นเป็นสัจธรรม เป็นทฤษฏีแล้วนะน้อง
แล้วอย่างลืมบันทึกด้วยล่ะ record ให้เป็น explicit K ด้วย
ฉันจึงเขียนบันทึกนี้เป็นงานแรก รับเช้าวันใหม่
ที่จังหวะงานและชีวิตลงตัวกว่าวันวาน....
อ่านแล้ว...ได้มาทบทวนการทำงานของตัวเอง ว่าเรามีกระบวนการทำงานยังไง ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างกับสิ่งที่ได้ทำไป ก็พบว่า ไม่ได้ใช้เวลาทบทวนสิ่งเหล่านั้นเลย ได้แต่ปล่อยมันไป แล้วก็พบวงจรการทำงาน "วุ่นๆ" เหมือนเดิม ขอบคุณ สำหรับการแบ่งปันเรื่องราว เรียกว่า ได้เตือนสติตัวเองอีกครั้ง และขอเป็นกำลังใจให้กับ "คนพบสุข" ด้วยนะคะ