จดหมายเปิดผนึกถึง คุณ rewchin


บันทึกแสดงความเห็นตอบความเห็นที่ฝากไว้ในบันทึก "จากวารสาร อยู่ในบุญ ถึง หนังสือ กรณีธรรมกาย"

rewshin [IP: 118.174.48.108]
25 เมษายน 2554 16:24
#2422277

สำหรับผมนะเจอมากับตัวเอง ผมมีแฟนคบกันมา4ปีกว่าๆ

เมื่อต้นปีแฟนผมบอกให้พาพ่อแม่ผมไปคุยเรื่องแต่งาน ก้ไปคุยกัน ตกลงอันเป็นเรียบร้อย

หลังจากที่ผมกลับมา3-4วันแฟนโทรมาบอกไม่อยากแต่งซะแล้ว เพราะอะไรหรือคับแฟนผมบอกว่าตอนนี้กำลังเจอสิ่งที่อยากทำอยู่ นั้นคือเขาไปเข้าวัดธรรมกายมาคับ ผมก็พยายามให้เขาคิดซักนิดนะแต่เขากะพูดว่า ชอบทางนี้ซะแล้วถึงขนาดเป็นคนไปหาคนบวชเข้าธรรมกายเลย และก็พยายามชวนผมไปวัดธรรมกายด้วยกัน โดยใช้คำพูดออกทางชี้นำซะมากมาย ทำบุณเยอะๆจะด้ขึ้นสวรรค์

ผมอึ้งกับคำพูดเหล่านี้ ชี้นำให้คนมาบวช กับคนๆนั้น กับคนมีใจที่จะมาบวชเองด้วยใจบริสุทธ์ อันไหนมันได้บุญหรืออันไหนมันบาปคับ

คุณ rewchin คะ

การที่คนที่เรารัก คนที่เราตัดสินใจจะร่วมชีวิต เปลี่ยนทิศทางความสนใจจากทางโลกไปสู่ทางธรรมโดยเราไม่รู้เนื้อรู้ตัวจนถึงขนาดไม่อยากแต่งงานแล้ว ก็เป็นธรรมดาค่ะ ที่เราจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่

มนุษย์เรามักต้องการเป็นที่รัก ต้องการการปกป้อง ต้องการกำลังใจ หรือต้องการทำสิ่งต่างๆเพื่อคนที่รัก จนถึงต้องการมีตัวแทนของตนฝากไว้บนโลก เราให้ความหมายของสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น ความสุข ดังนั้น การแต่งงาน จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่มนุษย์ ต้องการ

หากนั่นเป็นความสุขที่ต้องพึ่งพิงสิ่งอื่น สุขที่มีเหยื่อล่อ ซึ่งหากเมื่อสิ่งนั้นผันแปรไป ความสุขที่เราคิดว่าเคยได้ ก็จะกลายเป็นความทุกข์มาแทนที่ ดังที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ในเวลานี้

ยังมีสุขที่ประณีตกว่านั้น สุขด้วยความสงบที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องพึ่งพิงปัจจัยภายนอก เช่น สุขเมื่อนึกถึงความดีที่ทำ สุขที่ได้สนับสนุนผู้อื่นทำความดี หรือได้พบธรรม สุขในฌาน เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ดี หากสุขนั้นไม่ประกอบด้วยปัญญา หรือยึดถือไว้ ก็กลายเป็นสิ่งที่นำความทุกข์มาให้ได้อีกเช่นกัน เช่น ทำดีแล้วไม่มีคนเห็น หรือไม่ได้รับผลตอบแทน ก็อาจท้อถอย อาจทุกข์เพราะไม่ได้รับการสรรเสริญ หรือทำบุญแล้วหวังผลมากๆ ไม่ได้ทำเพราะต้องการขัดเกลากิเลส ฝึกการละ การคลายตระหนี่ ก็อาจนำไปสู่ความหลงงมงายดังที่ท่านพุทธทาสเรียกความหลงนี้ว่า เมาบุญ

การทำบุญโดยหวังผลตอบแทนนั้น อันที่จริงก็เป็นสัมมาทิฏฐิอันเป็นหนึ่งในองค์มรรคทั้ง 8 ค่ะ เพียงแต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกิยะ ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ เพราะเมื่อหวังผลตอบแทนสำหรับตน ก็มีผลให้ต้องมีตัวตนวนรับผลต่อไป ต่างจากสัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกุตตระอันพาให้พ้นโลกไปได้เพราะละทุกอย่าง แม้แต่ความยึดมั่นว่า เป็นตน เป็นของ ของตน

เมื่อพระพุทธองค์เทศนาอนุปุพพีกถา หรือการเทศนาตามลำดับขั้น ทรงเริ่มต้นด้วยเรื่องทาน เรื่องศีล เรื่องสวรรค์ เรื่องโทษ ความเศร้าหมองของกาม และอานิสงส์ของการบวช เพราะกาม ทำให้ต้องวนเวียนรับผลทั้งกรรมดีและชั่ว หากไม่ตัดวงจรนี้ เราก็วนเวียนอยู่อย่างนั้นตลอดไปหาความสงบไม่ได้ แล้วจึงตรัสอริยสัจ 4 อันเป็นวิธีสู่ความสงบที่ถาวร

หากคนรักของคุณหวังเพียงได้ไปสวรรค์ การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เธอก็ยังสามารถสร้างบุญไปสวรรค์ได้ เพียงแต่พึงระวังว่า การทำบุญที่หวังผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลา อาจน้อมจิตให้ตกต่ำลงได้ จึงควรทำบุญด้วยหวังผลประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยแท้จริง โดยหวังเป็นการฝึกตน ไม่หวังผลประโยชน์สำหรับตน เพื่อเปิดโอกาสให้จิตได้นับความสุขจากการละบ้าง เพื่อให้จิตที่สุขโดยไม่มีเหยื่อล่อนี้ นำไปสู่สมาธิ เพื่อใช้จิตที่เป็นสมาธิพินิจธรรม จนได้เห็นธรรมบ้าง จนค่อยๆลดการทำบุญด้วยสัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกิยะ และเปลี่ยนมาเป็นการทำบุญเพื่อประดับจิต (เพื่อให้จิตเหมาะกับการฝึกสมาธิ วิปัสสนา)

แต่ถ้าเธอต้องการหลุดพ้น และคิดว่าการไม่แต่งงานคือการประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางที่เธอจะหลุดพ้นได้ทั้งๆที่ยังยึดมั่นในตน ยังหวังผลตอบแทนตนเป็นสวรรค์สมบัติอยู่ เธอก็ไปผิดทางแล้ว

เพราะการยึดมั่น ต่างจากการละอย่างแท้จริง

การเผยแพร่ธรรมเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทอยู่แล้ว ไม่ว่าวัดใดก็ควรทำหน้าที่ผู้สืบทอดพระศาสนา พระท่านเป็นเพียงผู้ชี้ทาง ผู้ตัดสินใจคือตัวเรา แต่ปัจจุบัน ทั้งวัด ทั้งบ้าน มักเฉไฉ หรือถูกชักนำให้เฉไฉออกนอกทางจนนำไปสู่การถกเถียง นำไปสู่ทุกข์ ให้เราได้เห็นอยู่บ่อยๆ

คุณน่าจะหันมาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อเข้าใจธรรมมากขึ้น แล้วสนทนาธรรมกับเธอดูนะคะ อุบาสก อุบาสิกาที่ครองชีวิตคู่กันจนตลอดอายุขัยก็มีให้เห็นในพระไตรปิฎก คุณอาจได้ใช้ชีวิตคู่กับเธอไป ค่อยๆปฏิบัติด้วยกันไป จนค่อยๆเห็นโทษของการวนเวียนอยู่ในโลกด้วยกัน แล้วค่อยๆสงบขึ้นเรื่อยๆด้วยกันก็ได้ (ท่านพุทธทาสเคยอธิบายไว้ว่าคือธรรมชีวี)

แต่หากเธอหวังจะพ้นโลกจริงๆ ก็อนุโมทนากับเธอเถอะค่ะ เพราะหากความคิดของคุณไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงในปัจจุบัน คิดอยากให้เป็นไปตามที่ต้องการ คนที่ทุกข์ก็คือตัวคุณนั่นเอง การอยู่กับปัจจุบันธรรม นอกจากคุณอาจไม่ทุกข์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ เป็นผู้สนับสนุนเธอแล้ว คุณยังได้บำเพ็ญหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 อีกด้วย

เพียงแต่.....

พระพุทธองค์เปรียบผู้สอนกับหัวหน้าโค

หวังว่าเธอจะพบหัวหน้าโคที่สามารถนำเธอว่ายทวนน้ำจนข้ามฝั่งได้

และเธอควรศึกษาให้มากขึ้น เพื่อค่อยๆพัฒนาตนด้วยมรรคเพื่อสามารถว่ายน้ำข้ามฝั่งได้อย่างแท้จริง

หมายเลขบันทึก: 437598เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2011 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม 2013 21:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

การเอาธรรม มาช่วย..เท่ากับเปิดผลึกความรัก ที่ช่วยประคับประคองให้ไปตลอดมรรคาของชีวิต จริงๆ นะครับ

ขอบคุณ บันทึกดี ดี เช้านี้ นะครับ

คุณณัฐรดา อธิบายได้เข้าใจดีค่ะ

ดร.จันทวรรณ ท่านแนะนำให้เปิด เฟสบุ๊ค แล้วกดถูกใจบันทึกของตนเอง เพื่อบันทึกของตนจะได้ไปปรากฏในเฟสบุ๊คด้วย

ทดลองทำดู ได้ผลดังที่ท่านว่าจริงๆด้วยค่ะ

ขอบคุณคำแนะนำจากท่านจัง

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท