Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พระสุวรรณสาม ผู้ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี ๒


ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ การมีเมตตา และแผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า

แม้โดยปกติพระราชาเป็นผู้มีพระกำลังมาก ทรงถือหม้อน้ำ เข้าไปสู่อาศรมบท ถึงประตูบรรณศาลาของทุกูลบัณฑิต ดุจบุคคลกระแทกอาศรมให้กระเทือน ทุกูลบัณฑิตนั่งอยู่ภายใน ได้ฟังเสียงฝีพระบาทแห่งพระเจ้าปิลยักขราช ก็นึกในใจว่า นี้ไม่ใช่เสียงแห่งฝีเท้าสุวรรณสามบุตรเรา เสียงฝีเท้าใครหนอ. เมื่อจะถาม จึงกล่าวว่า นั่นเสียงฝีเท้าใครหนอ เสียงฝีเท้ามนุษย์เดินเป็นแน่ เสียงฝีเท้าสามบุตรเราไม่ดัง. ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ ท่านเป็นใครหนอ สามบุตรเราเดินเบาวางเท้าเบา เสียงฝีเท้าสามบุตรเราไม่ดัง ท่านเป็นใครหนอ.

พระราชาได้สดับคำถามนั้น ทรงดำริว่า ถ้าเราไม่บอกความที่เราเป็นพระราชา บอกว่าเราฆ่าบุตรของท่านเสียแล้ว. ท่านทั้งสองนี้จักโกรธเรา กล่าวคำหยาบกะเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ ความโกรธในท่านทั้งสองนี้ ก็จักเกิดขึ้นแก่เรา. ครั้นความโกรธเกิดขึ้น เราก็จักเบียดเบียนท่านทั้งสองนั้น กรรมนั้นจักเป็นอกุศลของเรา. แต่เมื่อเราบอกว่าเราเป็นพระราชา ชื่อว่าผู้ที่ไม่เกรงกลัว ย่อมไม่มี. เพราะฉะนั้น เราจะบอกความที่เราเป็นพระราชาก่อน ทรงดำริฉะนี้แล้ว ทรงวางหม้อน้ำ ไว้ที่โรงน้ำดื่ม แล้วประทับยืนที่ประตูบรรณศาลา. เมื่อจะแสดงพระองค์ให้ฤาษีรู้จัก จึงตรัสว่า เราเป็นพระราชาของชาวกาสี คนเรียกเราว่า พระเจ้าปิลยักษ์. เราละแว่นแคว้นเที่ยว แสวงหามฤคเพราะความโลภ. อนึ่ง เราเป็นผู้ฉลาดในธนูศิลป์ ปรากฏว่าเป็นผู้แม่นยำนัก. แม้ช้างมาสู่ระยะลูกศรของเราก็ไม่พึงพ้นไปได้.

ฝ่ายทุกูลบัณฑิตเมื่อจะทำปฏิสันถารกับพระราชา จึงทูลว่า ข้าแต่มหาบพิตร พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง พระองค์เสด็จมาแต่ไกลก็เหมือนใกล้. พระองค์ผู้มีอิสระเสด็จมาถึงแล้ว ขอจงทรงทราบสิ่งที่มีอยู่ในที่นี้. ข้าแต่มหาบพิตร เชิญเสวยผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง และผลหมากเม่า อันเป็นผลไม้เล็กน้อย. ขอได้โปรดเลือกเสวยผลที่ดีๆ เถิด. ข้าแต่มหาบพิตร ขอจงทรงดื่มน้ำซึ่งเป็นน้ำเย็น นำมาแต่มิคสัมมตานที ซึ่งไหลจากซอกเขา ถ้าทรงพระประสงค์

เมื่อดาบสทำปฏิสันถารอย่างนี้แล้ว พระราชาทรงคิดว่า เราไม่ควรจะบอกว่า เราฆ่าบุตรของท่านเสียแล้ว. ดังนี้ก่อน ทำเหมือนไม่รู้ พูดเรื่องอะไรๆ ไปก่อนแล้วจึงบอก ทรงดำริดังนี้แล้ว จึงตรัสว่า ท่านทั้งสองจักษุมืด ไม่สามารถจะเห็นอะไรๆในป่า ใครเล่าหนอนำผลไม้มาเพื่อท่านทั้งสอง. ความสะสมผลไม้น้อยใหญ่ไว้ โดยเรียบร้อยนี้ ปรากฏแก่ข้าพเจ้าว่า ดูเหมือนคนตาดีสะสมไว้ ทุกูลบัณฑิตได้ฟังดังนั้น เพื่อจะแสดงว่ามูลผลาผลตนมิได้นำมา แต่บุตรของตนนำมา จึงได้กล่าวว่า สามะหนุ่มน้อยรูปร่างสันทัดงดงามน่าดู เกศาของเธอยาวดำ เฟื้อยลงไปปลายงอนช้อนขึ้นข้างบน. เธอนั่นแหละนำผลไม้มา ถือหม้อน้ำจากที่นี่ ไปสู่แม่น้ำนำน้ำมา เห็นจะกลับมาใกล้แล้ว.

พระราชาได้ทรงสดับดังนั้นแล้ว จึงตรัสว่า ข้าพเจ้าได้ฆ่าสามกุมารผู้ปฏิบัติบำรุงท่านเสียแล้ว ผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงสามกุมารผู้งดงามน่าดูใด เกศาของสามกุมารนั้นยาวดำ เฟื้อยลงไปปลายงอนช้อนขึ้นเบื้องบน สามกุมารนั้นข้าพเจ้าฆ่าเสียแล้ว นอนอยู่ที่หาดทรายเปรอะเปื้อนด้วยโลหิต

บรรณศาลาของปาริกาดาบสินีอยู่ใกล้ของทุกูลบัณฑิต นางนั่งอยู่ในบรรณศาลานั้น ได้ฟังพระดำรัสของพระราชา ก็ใคร่จะรู้ประพฤติการณ์นั้น จึงออกจากบรรณศาลาของตน ไปสำนักทุกูลบัณฑิตด้วยสำคัญเชือก ที่สำหรับสาวเดินไปได้กล่าวว่า ข้าแต่ทุกูลบัณฑิต ท่านพูดกับใครซึ่งบอกว่า ข้าพเจ้าฆ่าสามกุมารเสียแล้ว ใจของดิฉันย่อมหวั่นไหว เพราะได้ยินว่า สามกุมารถูกฆ่าเสียแล้ว. กิ่งอ่อนแห่งต้นโพธิ์ใบ อันลมพัดให้หวั่นไหว ฉันใด ใจของดิฉันย่อมหวั่นไหวเพราะได้ยินว่า สามกุมารถูกฆ่าเสียแล้ว ฉันนั้น.

ลำดับนั้น ทุกูลบัณฑิต เมื่อจะโอวาทนางปาริกาดาบสินีนั้น จึงกล่าวว่า ดูก่อนนางปาริกา ท่านผู้นี้คือพระเจ้ากาสี พระองค์ทรงยิงสามกุมารด้วยลูกศร ที่มิคสัมมตานที ด้วยความโกรธ. เราทั้งสองอย่าปรารถนาบาปต่อพระองค์เลย ปาริกาดาบสินีกล่าวอีกว่า บุตรที่รักอันหาได้ด้วยยาก ผู้ได้เลี้ยงเราทั้งสอง ผู้ตามืดในป่า จะไม่ยังจิตให้โกรธ ในบุคคลผู้ฆ่าบุตรคนเดียวนั้นได้อย่างไร ทุกูลบัณฑิตกล่าวว่า บุตรที่รักอันหาได้ด้วยยาก ผู้ได้เลี้ยงเราทั้งสอง ผู้ตามืดในป่า บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญบุคคลผู้ไม่โกรธในบุคคลผู้ฆ่าบุตรคนเดียวนั้น ก็แล ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ดาบสดาบสินีทั้งสองก็ข้อนทรวง ด้วยมือทั้งสอง พรรณนาคุณของสุวรรณสาม คร่ำครวญเป็นอันมาก

พระเจ้าปิลยักขราช เมื่อจะทรงเล้าโลมเอาใจดาบสทั้งสองนั้น จึงตรัสว่า ขอผู้เป็นเจ้าทั้งสองอย่าคร่ำครวญ เพราะข้าพเจ้ากล่าวว่า ข้าพเจ้าฆ่าสามกุมารเสียแล้ว ไปมากเลย. ข้าพเจ้าจักรับการงานเลี้ยงดูผู้เป็นเจ้าทั้งสอง ในป่าใหญ่. ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในธนูศิลป์ปรากฏว่า เป็นผู้แม่นยำนัก. ข้าพเจ้าจักรับการงานเลี้ยงดูผู้เป็นเจ้าทั้งสอง ในป่าใหญ่. ข้าพเจ้าจักฆ่ามฤคและแสวงหามูลผลในป่า รับการงานเลี้ยงดูผู้เป็นเจ้าทั้งสองในป่าใหญ่ ฝ่ายดาบสดาบสินีทั้งสองนั้นสนทนากับพระราชาทูลว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร สภาพนั้นไม่สมควร การทรงทำอย่างนั้นไม่ควรในอาตมาทั้งสอง. พระองค์เป็นพระราชาของอาตมาทั้งสอง อาตมาทั้งสองขอถวายบังคมพระยุคลบาทของพระองค์.

พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ทรงยินดีเหลือเกิน ทรงดำริว่า โอ น่าอัศจรรย์ แม้เพียงคำหยาบของฤาษีทั้งสองนี้ ก็ไม่มี ในเราผู้ทำความประทุษร้าย ถึงเพียงนี้ กลับยกย่องเราเสียอีก จึงตรัสอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เชื้อชาติเนสาท ท่านกล่าวเป็นธรรม ท่านบำเพ็ญความถ่อมตนแล้ว ขอท่านจงเป็นบิดาของข้าพเจ้า. ข้าแต่นางปาริกา ขอท่านจงเป็นมารดาของข้าพเจ้า ข้าแต่พ่อทุกูลบัณฑิต ตั้งแต่วันนี้ไป ขอท่านจงตั้งอยู่ในฐานะแห่งบิดาของข้าพเจ้า. ข้าแต่แม่ปาริกา แม้ท่านก็ขอจงตั้งอยู่ในฐานะแห่งมารดา ข้าพเจ้าก็จักตั้งอยู่ในฐานะแห่งสามกุมารบุตรของท่าน กระทำกิจทุกอย่างมีล้างเท้าเป็นต้น. ขอท่านทั้งสองจงอย่ากำหนด ข้าพเจ้าว่าเป็นพระราชา จงกำหนดว่าเหมือนสามกุมารเถิด. ดาบสทั้งสองประคองอัญชลีไหว้ เมื่อจะทูลวิงวอนว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร พระองค์ไม่มีหน้าที่ที่จะทำการงานแก่อาตมาทั้งสอง. แต่ขอพระองค์จงทรงถือปลายไม้เท้าของอาตมาทั้งสอง นำไปแสดงตัวสุวรรณสามเถิด จึงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้ากาสี อาตมาทั้งสองขอนอบน้อม แด่พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้ยังชาวกาสีให้เจริญ อาตมาทั้งสองนอบน้อมแด่พระองค์ อาตมาทั้งสองประคองอัญชลีแด่พระองค์. ขอพระองค์โปรดพาอาตมาทั้งสอง ไปให้ถึงสามกุมาร. อาตมาทั้งสองจะสัมผัสเท้าทั้งสอง และดวงหน้าอันงดงามน่าดูของเธอ แล้วทรมานตนให้ถึงกาลกิริยา เมื่อท่านเหล่านั้นสนทนากันอยู่อย่างนี้ พระอาทิตย์อัสดงคต.

ลำดับนั้น พระราชาทรงดำริว่า ถ้าเรานำฤาษีทั้งสองผู้ตามืดไปในสำนักของสุวรรณสาม ในบัดนี้ทีเดียว หทัยของฤาษีทั้งสองจักแตกเพราะเห็นสุวรรณสามนั้น เราก็ชื่อว่านอนอยู่ในนรก. ในกาลที่ท่านทั้งสามทำกาลกิริยา ด้วยประการฉะนี้ เพราะฉะนั้น เราจักไม่ให้ฤาษีทั้งสองนั้นไป ทรงดำริฉะนี้แล้ว จึงตรัสว่า สามกุมารถูกฆ่านอนอยู่ที่ป่าใด ดุจดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ตกลงเหนือแผ่นดินแล้ว เกลือกเปื้อนด้วยฝุ่นทราย. ป่านั้นเป็นป่าใหญ่ เกลื่อนกล่นด้วยพาลมฤค ปรากฏเหมือนที่สุดอากาศ ผู้เป็นเจ้าทั้งสองจงอยู่ในอาศรมนี้แหละ ฤาษีทั้งสองได้กล่าวเพื่อจะแสดงว่า ตนไม่กลัวพาลมฤคทั้งหลายว่า ถ้าในป่านั้นมีพาลมฤค ตั้งร้อยตั้งพันและตั้งหมื่น อาตมาทั้งสองก็ไม่มีความกลัว ในพาลมฤคทั้งหลายในป่าไหนๆ เลย พระราชาเมื่อไม่อาจห้ามฤาษีทั้งสองนั้น ก็ทรงจูงมือนำไปในสำนักสุวรรณสามนั้น

ครั้นทรงนำไปแล้ว ประทับยืนในที่ใกล้สุวรรณสามแล้วตรัสว่า นี้บุตรของผู้เป็นเจ้าทั้งสอง. ลำดับนั้น ฤาษีผู้เป็นบิดาของพระโพธิสัตว์ ช้อนเศียรขึ้นวางไว้บนตัก. ฤาษิณีผู้เป็นมารดาก็ยกเท้าขึ้นวางไว้บนตักของตนนั่งบ่นรำพันอยู่ ฤาษิณีผู้มารดาแห่งพระโพธิสัตว์ เมื่อบ่นเพ้อ เป็นหนักหนา ก็เอามืออังที่อกพระโพธิสัตว์ พิจารณาความอบอุ่นคิดว่า ความอบอุ่นของบุตร เรายังเป็นไปอยู่ บุตรเราจักสลบด้วยกำลังยาพิษ เราจักกระทำสัจจกิริยาแก่บุตรเรา เพื่อถอนพิษออกเสีย

คิดฉะนี้แล้วได้กระทำสัจจกิริยา ได้กล่าวคำสัจว่า ลูกสามะนี้ได้เป็นผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ได้เป็นผู้ประพฤติดังพรหมเป็นปกติ ได้เป็นผู้กล่าวคำจริงมาแต่ก่อน ได้เป็นผู้เลี้ยงบิดามารดา ได้เป็นผู้ประพฤติยำเกรงต่อท่านผู้เจริญในสกุล เป็นผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของเรา. โดยความจริงใดๆ ด้วยการกล่าวความจริงนั้นๆ ขอพิษของลูกสามะจงหายไป. บุญอย่างใดอย่างหนึ่งที่ลูกสามะกระทำแล้วแก่เราและแก่บิดาของเธอ มีอยู่. ด้วยอานุภาพกุศลบุญนั้นทั้งหมด ขอพิษของลูกสามะจงหายไป เมื่อมารดาทำสัจจกิริยา สามกุมารก็พลิกตัวกลับนอนต่อไป

ลำดับนั้น บิดาคิดว่า ลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ เราจักทำสัจจกิริยาบ้าง จึงได้กล่าวคำสัจว่า ลูกสามะนี้ได้เป็นผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ได้เป็นผู้ประพฤติดังพรหมเป็นปกติ ได้เป็นผู้กล่าวคำจริงมาแต่ก่อน ได้เป็นผู้เลี้ยงบิดามารดา ได้เป็นผู้ประพฤติยำเกรงต่อท่านผู้เจริญในสกุล เป็นผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของเรา. โดยความจริงใดๆ ด้วยการกล่าวความจริงนั้นๆ ขอพิษของลูกสามะจงหายไป. บุญอย่างใดอย่างหนึ่งที่ลูกสามะกระทำแล้วแก่เราและแก่มารดาของเธอ มีอยู่. ด้วยอานุภาพกุศลบุญนั้นทั้งหมด ขอพิษของลูกสามะจงหายไป เมื่อบิดาทำสัจจกิริยาอยู่อย่างนี้ สุวรรณสามพลิกตัวอีกข้างหนึ่งนอนต่อไป.

ลำดับนั้น เทพธิดาผู้มีนามว่า พสุนธรี ได้ทำสัจจกิริยาลำดับที่สามแก่สุวรรณสามนั้น ด้วยความเอ็นดูสามกุมารว่า เราอยู่ที่ภูเขาคันธมาทน์ตลอดราตรีนาน. ใครๆ อื่นซึ่งเป็นที่รักของเรากว่าสามกุมาร ไม่มี. ของหอมล้วนแล้วด้วยไม้หอมทั้งหมด ณ คันธมาทน์บรรพตมีอยู่. ด้วยสัจจวาจานี้ ขอพิษของสามกุมารจงหายไป. เมื่อฤาษีทั้งสองบ่นเพ้อรำพันเป็นอันมากน่าสงสาร สามกุมารผู้หนุ่มงดงามน่าทัศนา ก็ลุกขึ้นเร็วพลัน อัศจรรย์ทั้งปวงคือ สุวรรณสามหายโรค ฤาษีผู้เป็นบิดามารดาได้ดวงตากลับเห็นเป็นปกติ แสงอรุณขึ้น และท่านทั้งสี่เหล่านั้นปรากฏที่อาศรม ได้มีขึ้นในขณะเดียวกันทีเดียว. บิดามารดาทั้งสองได้ดวงตาดีเป็นปกติแล้ว ยินดีอย่างเหลือเกินว่า ลูกสามะหายโรค.

ลำดับนั้น สุวรรณสามได้กล่าวกับท่านเหล่านั้นว่า ข้าพเจ้ามีนามว่าสามะ ขอความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าลุกขึ้นได้แล้วโดยสวัสดี ขอท่านทั้งหลายอย่าคร่ำครวญนักเลย. จงพูดกะข้าพเจ้าด้วยเสียงอันไพเราะเถิด สุวรรณสามแลเห็นพระราชา เมื่อจะทูลปฏิสันถาร จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาบพิตร พระองค์เสด็จมาดีแล้ว. อนึ่ง พระองค์เสด็จมาแต่ไกลก็เหมือนใกล้. พระองค์ผู้มีอิสระเสด็จมาถึงแล้ว ขอจงทรงทราบสิ่งที่มีอยู่ในที่นี้ ข้าแต่มหาบพิตร เชิญเสวยผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง และผลหมากเม่า อันเป็นผลไม้เล็กน้อย ขอได้โปรดเลือกเสวยผลที่ดีๆ เถิด ข้าแต่มหาบพิตร ขอจงทรงดื่มน้ำซึ่งเป็นน้ำเย็น นำมาแต่มิคสัมมตานที ซึ่งไหลจากซอกเขา ถ้าทรงพระประสงค์

ฝ่ายพระราชาทอดพระเนตรเห็นอัศจรรย์นั้น จึงตรัสว่า ข้าพเจ้าหลงเอามาก หลงเอาจริงๆ มืดไปทั่วทิศ ข้าพเจ้าได้เห็นสามบัณฑิตนั้นทำกาลกิริยาแล้ว ทำไมท่านเป็นได้อีกเล่าหนอ

ฝ่ายสามบัณฑิตดำริว่า พระราชาทรงกำหนดเราว่าตายแล้ว เราจักประกาศความที่เรายังไม่ตายแก่พระองค์ จึงทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า โลกย่อมสำคัญซึ่งบุคคลผู้ยังมีชีวิตอยู่ เสวยเวทนาอย่างหนัก มีความดำริในใจ เข้าไปใกล้แล้ว ยังเป็นอยู่แท้ๆ ว่าตายแล้ว. ข้าแต่มหาราชเจ้า โลกย่อมสำคัญซึ่งบุคคลผู้ยังมีชีวิตอยู่ เสวยเวทนาอย่างหนัก ถึงความดับสนิทระงับแล้วนั้น ยังเป็นอยู่แท้ๆ ว่าตายแล้ว ครั้นทูลอย่างนี้แล้ว สุวรรณสามประสงค์จะประกอบ พระราชาไว้ในประโยชน์ เมื่อแสดงธรรม จึงได้กล่าวว่า

บุคคลใดเลี้ยงดูบิดามารดาโดยธรรม เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมแก้ไขคุ้มครองบุคคลผู้เลี้ยงดูบิดามารดานั้น. บุคคลใดเลี้ยงดูบิดามารดาโดยธรรม นักปราชญ์ทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุคคลผู้นั้นในโลกนี้. บุคคลนั้นละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงอยู่ในสวรรค์ พระราชาได้สดับคำนั้นแล้ว ทรงดำริว่า น่าอัศจรรย์หนอ แม้เทวดาทั้งหลาย ก็เยียวยาโรคที่เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้เลี้ยงดูบิดามารดา.

สามบัณฑิตนี้งดงามเหลือเกิน ทรงดำริฉะนี้แล้ว ประคองอัญชลีตรัสว่า ข้าพเจ้านี้หลงเอามากจริงๆ มืดไปทั่วทิศ. ท่านสามบัณฑิต ข้าพเจ้าขอถึงท่านเป็นสรณะ และขอท่านจงเป็นสรณะของข้าพเจ้า สุวรรณสามทูลพระราชาว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์เสด็จสู่เทวโลก มีพระประสงค์บริโภคทิพยสมบัติใหญ่ จงทรงประพฤติในทศพิธราชธรรมจรรยาเหล่านี้เถิด เมื่อจะถวายโอวาทแด่พระราชา จึงได้กล่าวคาถาอัน ว่าด้วยการประพฤติทศพิธราชธรรมว่า

ข้าแต่ขัตติยมหาราช ขอพระองค์ทรงประพฤธรรมในพระชนกพระชนนี ในพระโอรสและพระมเหสี ในมิตรและอมาตย์ ในพาหนะและพลนิกาย ในชาวบ้านและชาวนิคม ในชาวแว่นแคว้นและชาวชนบท ในสมณะและพราหมณ์ ในฝูงมฤคและฝูงปักษีเถิด. ครั้นพระองค์ทรงประพฤติธรรมนั้นๆ ในโลกนี้แล้ว จักเสด็จสู่สวรรค์.

ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงประพฤติธรรมเถิด ธรรมที่พระองค์ทรงประพฤติแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้. ครั้นพระองค์ทรงประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว จักเสด็จสู่สวรรค์.

ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงประพฤติธรรมเถิด พระอินทร์ เทพเจ้า พร้อมทั้งพระพรหม ถึงแล้วซึ่งทิพยสถาน ด้วยธรรมที่ประพฤติดีแล้ว.

ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์อย่าทรงประมาทธรรม สุวรรณสามแสดงธรรมถวายพระราชาอย่างนี้แล้ว เมื่อจะถวายโอวาทยิ่งขึ้น ได้ถวายเบญจศีล.

พระราชาทรงรับโอวาทของสุวรรณสามนั้นด้วยพระเศียร ทรงไหว้พระโพธิสัตว์ ขอขมาโทษพระโพธิสัตว์แล้วเสด็จกลับกรุงพาราณสี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมีทานเป็นต้น ทรงรักษาเบญจศีลครองราชสมบัติโดยธรรมโดยเสมอ.

ในที่สุดแห่งพระชนม์ ได้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ปฏิบัติบำรุงบิดามารดา ยังอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดพร้อมด้วยบิดามารดา มิได้เสื่อมจากฌาน.

ในที่สุดแห่งอายุได้เข้าถึงพรหมโลกพร้อมด้วยบิดามารดานั้นแล

หมายเลขบันทึก: 435832เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2011 17:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าการเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลาย ตรัสฉะนี้แล้ว ทรงประกาศอริยสัจสี่ ประชุมชาดก. ในเวลาเทศนาอริยสัจสี่จบลง ภิกษุนั้นบรรลุโสดาปัตติผล.

พระราชาปิลยักขราช ในกาลนั้น เป็น ภิกษุชื่ออานนท์ ในกาลนี้.

พสุนธรีเทพธิดา เป็น ภิกษุณีชื่ออุบลวรรณา.

ท้าวสักกเทวราช เป็น ภิกษุชื่ออนุรุทธะ.

ทุกูลบัณฑิตผู้บิดา เป็น ภิกษุชื่อมหากัสสปะ.

นางปาริกาผู้มารดาเป็น ภิกษุณีชื่อภัททกาปิลานี.

ก็สุวรรณสามบัณฑิต คือ เราผู้สัมมาสัมพุทธะ นี้เองแล.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท