คุณค่าที่ใจ
เวรบ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ได้พักผ่อนมีความสุขกับครอบครัว ต่างกับพยาบาลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างขันแข็ง เหมือนทุกวัน มิได้อ่อนล้าหรือหมดพลัง อย่าง เช่น ดวงอาทิตย์ในเวลาเย็นที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าเลย สายตาฉันมองไปรอบ ๆ อาคารผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ยังมีลุกหลาน ญาติพี่น้องมาเยี่ยมเยียน ให้ผู้ป่วยเหล่านี้พอมีแรงใจ ได้ต่อสู้และเผชิญกับโรคหรือความเจ็บป่วยที่เป็น
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับผู้มาเยี่ยมไข้ หรือญาติคงมีอยู่บ้างที่อาจจะไม่พอใจกับแนวทางการรักษาของแพทย์ หรือพยาบาล ก็จะมีคำต่อว่าให้เราแอบน้อยใจอยู่เสมอ ทั้งที่เราทำดีที่สุด และปฏิบัติตามมาตรฐานการพยาบาลทุกอย่าง เพราะหน้าที่ของฉันคือการรับผู้ป่วยมาดูแลต่อเนื่องจากห้องฉุกเฉิน ทำให้เราต้องเจอกับผู้ป่วยและญาติมากหน้าหลายตา งานของฉันเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “Admit ” ค่ะ เสียงพยาบาลห้องฉุกเฉินดังขึ้น โทรมาเล่าอาการของผู้ป่วยและบอกถึงสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อผู้ป่วยมาถึง
เมื่อความวุ่นวายหมดไป ทุกอย่างเริ่มสงบลง ญาติผู้ป่วยบางคนเริ่มทยอยกลับเนื่องจากใกล้หมดเวลาเยี่ยมแล้ว เป็นเวลาที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้พักผ่อน พยาบาลยังคงจัดการกับงานของตนให้เรียบร้อยอยู่ที่ห้องทำการพยาบาล ก่อนส่งต่อผู้ป่วยเพื่อให้อยู่ในความดูแลของเวรต่อไป “โป๊ก โป๊ก ตึง” เสียงเคาะที่ดัง บวกกับจังหวะเปิดประตูที่ไปกระทบกับอะไรสักอย่าง ทุกคนหันมองเป็นตาเดียวอย่างใจหาย ใจคว่ำ เพราะทุกอย่างก่อนหน้านี้เงียบมาก ภาพที่ปรากฏ หลังประตู เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดุ ผิวคล้ำ หนวดเครารุงรัง แววตาจับจ้องมาที่ทุกคนในห้อง ฉันจึงเอ๋ยถามเผื่อว่ามีอะไรจะได้รีบช่วยเหลือ ใจก็คิดถึงแต่อาการของผู้ป่วย คำตอบที่ได้คือ การปฏิเสธไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ เขาเดินมาในห้อง ในมือนั้นคือถุงผลไม้ “เอามาให้ ที่บ้านเยอะ ขอบคุณที่ดูแลเป็นอย่าดี ” คำพูดแสดงความจริงใจ มีรอยยิ้มจากมุมปาก เขาคือ ญาติของผู้ป่วยภายในตึก ที่อาการดีขึ้น แพทย์วางแผนจำหน่ายให้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้ ฉันแทบไม่ได้สนใจในตัวสิ่งของจากเขาเลย ความคิดเดียวที่แล่นมาในสมองฉัน ดีใจจังวันนี้ฉันได้มันอีกแล้ว แม้อาจเป็นเพียงร้อยยิ้มเล็ก ๆ คำขอบคุณหนึ่งคำ แต่สำหรับฉันนั้น มันดูมีค่ามาก เพราะมันเกิดจากความรู้สึกจากใจจริง ๆ
ทุกวันนี้ฉันเก็บเกี่ยวพลังจากรอยยิ้ม และคำขอบคุณที่ได้จาการทำงาน มันเปรียบเสมือนฟันเฟืองผลักดันให้ฉันยามท้อแท้ ได้มีกำลังใจทำงานต่อไป
ชื่นชมการบริการที่ได้ใจ...
มาชวนไปชม ภาพงามในความหลากหลายในงาน HA ที่ผ่านมา ในบันทึกวอญ่า ผู้เฒ่า
ให้กำลังใจผู้ที่ทำงานด้วยจิตวิญญาณ อย่างแท้จริงครับ
"การทำงาน คือ การทำบุญ หากเราไม่มุ่งหวังว่าจะได้บุญ" การเห็นผู้อื่นมีความทุกข์ทำให้เราเกิดการรับรู้ในทุกข์ของเขา เกิดพลังขับดันจากภายในต้องการช่วยเหลือด้วยจิตอาสาอย่างแท้จริง นี่คือสุดยอดของ Service mind ไม่ต้องไปเรียนรายละเอียดอะไรกันมากมายหรอกครับ เรียนกันมาอบรมกันมา แต่จิตใจไม่เคยคิดจะเปิดรับรู้ในความทุกข์ผู้อื่นเลย เสียเวลาและงบประมาณเปล่าๆ สู้เอาเวลาและงบประมาณมาช่วยเหลือผู้คนที่เขากำลังตกอยู่ในความทุกข์ และสนับสนุนคนที่มีจิตใจในการทำคุณงามความดี จะดีกว่ามากๆเลย
ขอให้กำลังใจอีกครั้งครับ เป็นเพราะมีคุณอยู่ในสังคมนี้แหละ จึงทำให้สังคมไทยเรายังคงอยู่รอดได้อย่างมีความสุข ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีโอกาสจะเข้ามาทักทายอีกนะครับผม
การดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่การดูและแลเฉยๆโดยไม่ใส่ใจ คนที่ได้รับการดูแลเขารับรู้ด้วยใจเช่นกัน งานนี้ได้บุญแล้วยังได้อิ่มท้องด้วยนะคะ สองเด้งเลย
ขอบคุณมาก ที่ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจที่ดีให้แก่กัน