จะเสียใจใยเล่า? กับการจากไปของมารดา... เพียงไม่นานก็คงต้องย้อนกลับมา เป็นคนในสายตระกูลอีกครั้ง...จะทุกข์โทมนัสใยเล่า? กับร่างสังขารที่ชราลง... ในเมื่อระยะเวลาแต่ละชั่วโมงนาทีได้แผดเผาความงดงามแห่งสังขารให้ทรุดโทรมลง...
...มันเป็นธรรมดาโลก... สัจจธรรมที่ทุกคนต้องยอมรับมิใช่หรือ?...
เสียงตามสายอีกครั้งจากบุตรีของคุณแม่ผู้สู้กรำโลก ติดต่อมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หายไปจากการดูแลพิธีการเป็นครั้งสุดท้ายให้กับผู้เป็นแม่สุดที่รัก.. ทุกเรื่องราวจากคำแนะนำที่ไม่เคยกระทำมาก่อน ในการจัดการบริหารเรื่องงานเพื่อแม่.. จึงทำให้ง่ายในทุกเรื่องราว ง่ายในการปรับอารมณ์ในจิต..
ความโศกพิไรร่ำ ไม่มีในหญิงสาววัยกลางคนที่จะต้องผจญกับโลกธุรกิจในต่างชาติไม่มีอีกแล้ว เสียงใส พร้อมความยินดีที่น้อมเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง
"พระอาจารย์คะ คุณแม่ของโยมท่านไปดีจริงๆ ค่ะ อย่างที่พระอาจารย์พูดให้ฟังไม่มีผิด... คุณแม่ท่านมาเข้าฝันพี่ชายคนโตค่ะ..."
เรื่องราวต่างที่นำมาเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ ซึ่งเจ้าของเสียงบินกลับถึงประเทศจีนเรียบร้อย... น้ำเสียงปนเปื้อนความยินดีและมีความสุขอย่างที่สุด กับคุณแม่ ซึ่งทิ้งรอยอาลัยรักจากหัวใจ...อีกครั้งจากการส่งสารจากผู้เป็นพี่ชาย...
"คุณแม่มาบอกพี่แล้วนะ ว่าท่านสบายดี ขอบใจกับทุกเรื่องราว ทุกสิ่งอย่าง.. คงจะได้เจอกันใหม่ในเร็ววันนี้....!!"
มันเป็นอดีตที่หวานชื่น ใช่ขมขื่นอย่างที่คนอื่นเขาคิดกันก็หาไม่!
เพราะอะไร?
คนที่กำลังจะไป หรือไปแล้วในห้วงแห่งจิตวิญญาณ วาระสุดท้ายแห่งสังขารที่ถูกทรมานด้วยกาลเวลา กำลังจะได้พักผ่อนในกาลอันนานกว่าปกติที่เคยพักในแต่ละราตรี... แล้วก็จะตื่นขึ้นมาอีกสังขารหนึ่ง ซึ่งใหม่ เรียนรู้ในโลกอีกครั้งตามวัฏฏะ..
ทางพระท่านถึงว่า การโศก การร่ำไรรำพัน หรือการร้องไห้ก็ดี เราไม่ควรกระทำกับการไปในครั้งนี้ของผู้เป็นที่รัก เพราะอะไร?
ก็เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ทราบสามารถรับทราบกิริยาอันน่าเวทนาของเราได้ ผู้ที่จะร่ำให้มากกว่าคือผู้ที่ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่เข้าใจในวัฏฏะ ส่องกระจกดูสังขารดูจิตใจ ดูความเป็นไปของตัวเราเองดีกว่า ว่า"เราร้องไห้เพราะอะไร??" แล้วจักไม่เกิดขึ้นอีก...
ไม่มีความเห็น