ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้
เกี่ยวกับสารกัมมันตภาพรังสี
อยากให้ทราบถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นเกี่ยวกับสารกัมมันตภาพรังสีกันก่อนค่ะ
ระทึกสาร”กัมมันตภาพรังสี”ในโตเกียวเพิ่มสูง
พบระดับวัดสาร”กัมมันตภาพรังสี”ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นวันนี้
โดยอยู่ในระดับเกินกว่าปกติเกือบ 20 เท่า
วันที่ 15 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
มีรายงานว่าวัดสารกัมมันตภาพรังสีได้ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นวันนี้โดยอยู่ในระดับเกินกว่าปกติเกือบ
20 เท่า แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยอยู่ในระดับ 0.809
ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง ขณะที่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาวัดได้แค่
0.079 ไมโครซีเวิร์ต ขณะที่ระดับปลอดภัย คือ 500 ไมโครซีเวิร์ต
ปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีที่เพิ่มขึ้นมีขึ้นหลังการระเบิดของอาคารปฏิกรณ์
ซึ่งเป็นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 2
ในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ หมายเลข 1 ในจังหวัดฟุกุชิมะ
เมื่อเช้านี้โรงไฟฟ้าอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว 250 กม.
หลังจากเกิดการระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 1 เมื่อวันเสาร์
และหมายเลข 3 เมื่อวานนี้
รัฐบาลยอมรับว่าระดับของการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในบริเวณใกล้โรงไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว
นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง
ขอให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมีระหว่าง 20-30
กม.จากโรงไฟฟ้าให้อยู่แต่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
หลังระดับการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีสูงขึ้นถึง 4
เท่าของระดับที่ร่างกายของคนเราจะได้รับตามธรรมชาติในเวลา 1
ปีในบริเวณใกล้อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 3 คน
ส่วนคนที่อยู่ในระยะไม่ถึง 20
กม.จากโรงไฟฟ้าได้อพยพออกจากบ้านเรือนไปกว่า 2
แสนคนก่อนหน้านี้แล้วนับตั้งแต่การระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 1
เมื่อวันเสาร์
ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนกกับเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จากเหตุแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิโถมถล่มซ้ำประเทศญี่ปุ่น
จนถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น
หลายคนคงได้ยิน คำว่า "สารกัมมันตภาพรังสี"
คงสงสัยกันว่า
มันคืออะไร?
สาร กัมมันตภาพรังสี
(Radioactive substance)
ถูกมนุษย์นำมาใช้ประโยชน์เป็นเวลานาน แล้ว
เช่นวงการแพทย์นำมาใช้ในเครื่อง X-Ray, รักษามะเร็ง
ทางเกษตรนำมาใช้ในการถนอมอาหาร, ปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นต้น
แต่ถ้าหากนำมาใช้ผิดวิธีหรือไม่มีวิธีป้องกันอาจเกิดโทษได้
ความรู้เรื่องผู้ป่วยที่ได้รับอันตรายจากรังสีมีอยู่น้อย
เกือบทั้งหมดได้จากการศึกษาผู้ป่วยที่รอดชีวิต
จากระเบิดปรมาณูที่ญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
และโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองเชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย
อาการของผู้ป่วยเกิดได้ทุกระบบ ขึ้นกับอวัยวะที่ได้รับรังสี,
ปริมาณรังสีและ ระยะเวลาที่ได้รับ
ปริมาณของรังสีทางการแพทย์มีหน่วยเป็น
Gray (Gy) โดย 1 Gy เท่ากับ 100 rad (เครื่องถ่าย X-ray
ปอดจะแพร่รังสี น้อยกว่า 1/4 rad ต่อครั้ง)
ถ้าผู้ป่วยได้รับรังสีมากกว่า 100 Gy จะเสียชีวิตทุกรายภายใน 24-48
ชม.ถ้าน้อยกว่านั้น เช่น 5-12 Gy จะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน,
ท้องเสีย ขาดน้ำรุนแรง อาจเกิดลำไส้ตาย และทะลุได้
อาจมีผื่นลอกตามตัว, เนื้อตาย และเป็นหมันถาวร
ส่วนขนาดที่น้อยลงเช่น 2-8 Gy จะกดการทำงานของไขกระดูก
ทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำลง เกล็ดเลือดต่ำ ซีดได้
ขนาดที่ทำให้เสียชีวิตได้ (Lethal dose
: LD) คิดเป็นค่า LD50/60
(หมายความว่าปริมาณรังสีที่ทำให้คนปกติเสียชีวิต 50 ใน 100 คนภายใน 60
วัน) ประมาณเท่ากับ 325 rad หรือ 3.25 Gy
ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์
นอกจากผลของรังสีระยะสั้นแล้ว
ผลระยะยาวของการได้รับรังสี
ซึ่งจะแสดงออกหลังจากได้รับรังสีไปนานหลายปี หรือหลายสิบปี
ได้แก่การเกิดมะเร็งของอวัยวะต่าง ๆ เช่นมะเร็งเม็ดเลือดขาว,
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งต่อมธัยรอยด์, มะเร็งเต้านม เป็นต้น
การนำรังสีมาใช้ในการแพทย์นั้นได้รับการป้องกันภัยจากรังสีอย่างรัดกุม
อาทิเครื่องฉาย X-ray จะไม่แผ่รังสีถ้าไม่มีการถ่ายภาพรังสี
อีกทั้งรังสีก็มีจำนวนน้อยมาก
ส่วนการนำรังสีรักษามาใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง เช่น โคบอลท์-60
นั้นมีการป้องกันโดยบรรจุในภาชนะตะกั่วขนาดที่หนาพิเศษ
มีการติดตั้งในห้องที่มิดชิด และหุ้มด้วยตะกั่วโดยรอบ
รังสีไม่อาจรั่วไหลออกมาได้
คนทั่วไปรวมทั้งผู้ป่วยจึงไม่ต้องกังวลแต่ประการใดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
และปล่อยปละละเลยของผู้เก็บสารกัมมันตภาพรังสีโดยไม่ถูกต้อง
ผลของรังสีต่อสิ่งมีชีวิต
รังสีที่แผ่ออกจากธาตุกัมมันตรังสีเมื่อผ่านเข้าไปในสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
จะทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนของอะตอมตามแนวทางที่รังสีผ่านไป
ทำให้เกิดผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต 2 แบบ
คือ
-
ผลของรังสีที่มีต่อร่างกาย คือ เกิดเป็นผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง
ผมร่วง เซลล์ตาย เป็นแผลเปื่อย เกิดเนื้อเส้นใยจำนวนมากที่ปอด
(fibrosis of the lung) เกิดโรคเม็ดโลหิตขาวมาก (leukemia)
เกิดต้อกระจก (cataracts) ขึ้นในนัยน์ตา เป็นต้น
ซึ่งร่างกายจะเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของรังสีที่ได้รับส่วนของร่างกายที่ได้
และอายุของผู้ได้รับรังสี
ดังนั้นผู้ได้รับรังสีมีอายุน้อยแล้วอันตรายเนื่องจากรังสีจะมีมากกว่าผู้ที่มีอายุมาก
ในทารกแรกเกิดแล้วอาจได้รับอันตรายถึงพิการหรือเสียชีวิตได้
-
ผลของรังสีที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ คือ ทำให้โครโมโซม
(chromosome) เกิดการเปลี่ยนแปลง
มีผลทำให้ลูกหลานเกิดเปลี่ยนลักษณะได้
การป้องกันรังสี
รังสีทุกชนิดมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งนั้น
จึงต้องทำการป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับรังสี
หรือได้รับแต่เพียงปริมาณน้อยที่สุด
ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากต้องทำงานเกี่ยวข้องกับรังสีแล้ว
ควรมีหลักยึดถือเพื่อปฏิบัติดังนี้
1. เวลาของการเผย (time of exposure)
โดยใช้เวลาในการทำงานในบริเวณที่มีรังสีให้สั้นที่สุด
เพราะปริมาณกำหนดของรังสีจะแปรตรงกับเวลาของการเผย
2. ระยะทาง (distance)
การทำงานเกี่ยวกับรังสีควรอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดรังสีมาก ๆ
ทั้งนี้เพราะความเข้มของรังสีจะแปรผกผันกับกำลังสองของระยะทาง คือ
เมื่อ d คือระยะทาง
3. เครื่องกำบัง (shielding)
เครื่องกำบังที่วางกั้นระหว่างคนกับแหล่งกำเนิดรังสีจะดูดกลืนบางส่วนของรังสีหรืออาจจะทั้งหมดเลยก็ได้
ดังนั้นในกรณีที่ต้องทำงานใกล้กับสารกัมมันตรังสีและต้องใช้เวลานานในการปฏิบัติงาน
เราจำเป็นต้องใช้เครื่องกำบังช่วยเครื่องกำบังที่ดีควรเป็นพวกโลหะหนัก
เพราะว่าโลหะ หนักจะมีอิเล็กตรอนอยู่เป็นจำนวนมาก
ทำให้รังสีเมื่อวิ่งมาชนกับอิเล็กตรอนแล้วจะสูญเสียพลังงานไปหมด
ตัวอย่างของเครื่องกำบังเช่น แผ่นตะกั่ว แผ่นเหล็ก แผ่นคอนกรีต
ใช้เป็นเครื่องกำบังพวกรังสีเอกซ์และรังสีแกมมา แผ่นลูไซท์ควอทซ์
ใช้เป็นเครื่องกำบังรังสีเบตาได้ อากาศและแผ่นกระดาษ
อาจใช้เป็นเครื่องกำบังอนุภาคอัลฟา
ส่วนน้ำและพาราฟินใช้เป็นเครื่องกำบังอนุภาคนิวตรอนได้
ที่มา
:
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โพสเมื่อ [วันอังคาร ที่
15 มีนาคม 2554]
http://variety.teenee.com/foodforbrain/33748.html