ปัจจุบันการแข่งขันในตลาด e-Commerce สูง เราควรทำร้านค้าออนไลน์ของเราดีเพื่อที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าเว็บเรามากกว่าคู่แข่ง
หลายร้านต้องการให้คนลงทะเบียนเพื่อเป็นสมาชิก แต่การลงทะเบียนที่ซับซ้อนทำให้ลูกค้าหลายคนเลือกที่จะไปใช้เว็บอื่น โดยเฉพาะลูกค้าขาจร
เราควรจะทำระบบที่ให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน และหลังจากทำการซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว ควรจะมีช่องให้ลูกค้าเลือก “ลงทะเบียน” วิธีนี้จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
บางครั้งเราต้องการข้อมูลของลูกค้ามากไปทั้งๆที่ ข้อมูลที่เราจำเป็นต้องใช้มีเพียง อีเมล์ และ รหัสผ่านเท่านั้น เราจึงควรทำการลงทะเบียนให้กระชับและได้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น เนื่องจากไม่มีใครที่จะเสียเวลาทำการลงทะเบียนที่ยุ่งยากและต้องใส่ข้อมูลอย่างละเีอียด
และไม่ควรใช้ username ควรจะใช้ อีเมล์แทน เนื่องจาก username จะทำให้ลืมง่ายและเพิ่มภาระให้ลูกค้าที่ต้องมาจำบัญชีเพิ่ม
การแสดง breadcrumb ว่าลูกค้าอยู่ตรงไหนของเว็บหรือกำลังทำอะไรอยู่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเว็บ e-Commerce ลูกค้าจำเป็นต้องรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่แล้วอีกกี่ขั้นตอนถึงจะเสร็จสิ้นการซื้อสินค้า ถ้าหากไม่มีแล้วจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่ายเนื่องจากคิดว่าคงต้องทำอีกหลายอย่างกว่าจะได้ซื้อของ
นอกจากนั้นการแบ่ง breadcrumb เป็นขั้นตอนย่อยต่างๆ ยังมีผลดีในด้านการแก้ไขข้อมูลถ้าลูกค้าได้ทำผิดพลาด ก็สามารถกลับไปยังหน้านั้นๆ ได้ง่าย ซึ่งดีกว่ารวมขั้นตอนทุกอย่างไว้หน้าเดียวกัน
ลูกค้าส่วนใหญ่จะกังวลกับข้อมูลเครดิตและข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เวลาซื้อของออนไลน์ เราต้องทำให้ลูกค้าเหล่านั้นมั่นใจว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้อย่างดี ในทุกๆขั้นตอนเราควรแสดงว่าเว็บไซต์ของเราปลอดภัยและได้เก็บข้อมลูสำคัญเหล่านี้เป็นอย่างดี ซึ่งทำได้โดยการใส่ trust certificate อย่างเช่น Hacker Safe หรือ VeriSign และใส่ SSL certificate
การยืนยันนั้นเป้นสิ่งที่จำเป็นมากในการซื้อสินค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามั่นใจและลดการสอบถามจากลูกค้า
วิธีการยืนยันที่ดีควรแบ่ง 3 ส่วน
เว็บ e-Commerce ต้องมีช่องค้นหาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งตำแหน่งที่ดีควรจะอยู่ด้านบนเพราะจะทำให้ลูกค้าเห็นได้ง่าย การค้นหานั้นจะทำให้ลูกค้าใช้เวลาน้อยลงในการค้นหาสินค้าและทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์สนุกยิ่งขึ้น ถ้าหากว่าเว็บเราขายสินค้าหลากหลายชนิด ก้ควรจะทำ filter ให้ดีและทำให้ลููกค้าเข้าถึงสินค้าที่หาอยู่ได้ง่าย และเราควรจะเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้าด้วยว่าอยากให้แสดงผลหน้าละกี่ชิ้น
การแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกันจะทำให้ขายเพิ่มได้ อย่างเช่น ถ้าขายพวก ipod ก็ควรมี พวก สาย cable หรือ ซอง แสดงในช่อง related itemsyy
ปุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น add to cart, sigh up, proceed ถ้าออกแบบให้โดดเด่นก็จะเพิ่มการคลิ้กได้อีกเยอะ เราควรทำให้ปุ่มพวกนี้ โดดเด่น ดึงดูดและน่าสนใจ เช่น ทำให้ สีตรงกันข้ามกับเว็บเรา
ควรแสดง ยอดรวม ค่าส่งและค่าธรรมเนียมต่างให้ครบและชัดเจน แน่นอนว่าถ้าลูกค้าต้องจ่ายเงินมากกว่ายอดรวมทั้งหมดที่สรุปไว้ พวกเขาจะมองเราให้แง่ลบขึ้นมาทันที และหมายความว่าการสั่งซื้อครั้งต่อไปก็จะหายด้วยเช่นกัน
ตะกร้าสินค้าควรแสดงให้เห็นในทุกหน้าและสามารถเห็นได้ชัดเจน ตำแหน่งที่ดีคือบนขวาของเว็บ เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถดูรายการสั่งซื้อและยอดรวมทั้งหมดได้ตลอดเวลา ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ควรทำให้ลูกค้าสามารถแก้ไขหรือเพิ่มและลบ สินค้าออกจากตะกร้าได้ตลอดเวลาและในทุกหน้าโดยไม่ต้อง refresh และในหน้าตะกร้าควรมี ปุ่ม check out ข้างในด้วยเพื่อที่จะทำให้การสั่งซื้อเร็วขึ้น
ที่มา spyrestudios
ไม่มีความเห็น