ณ บ้านพักข้าราชการฯขอนแก่น
วันจันทร์ที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
กราบสวัสดีค่ะครู
"ทำธัมให้เป็นนิสัย อย่าทำเป็นงานอดิเรก"
SMS สั้น ๆ ที่ได้รับจากครูวันนี้ ครูส่งมาตั้งแต่เก้าโมงกว่า ๆ แต่กว่าจะได้เปิดอ่านก็บ่ายสาม เพราะจิตพุ่งไปที่การดูแลน้อง ๆ ฝึกงาน คำสอนที่ครูมอบให้มากระทบจิต “โอ้ มีจุดบกพร่องที่ต้องเร่งแก้ไข”
“อะไรคือ ธัม ที่ครูหมายถึงแล้วยังไม่ได้ทำ ?”
ณ ขณะนั้น จิตดีดเรื่อง การเขียนบันทึกเรื่องงาน การเขียนจดหมายถึงครู กิจวัตรอื่น ๆที่รู้สึกกับตนเองว่า “ยังบกพร่อง”
ณ ตอนเขียน ระลึกขึ้นมาอีกว่า “เจริญสติให้เป็นนิสัย ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาภาวนา”
ยิ้มรับคำชี้แนะของครู แล้วก็หัวเราะ กับคำที่ครูเปรียบเปรย “ใช่เลย ติ๋วทำเหมือนงานอดิเรก” น้อมรับคำนี้แบบพุ่งจี๊ดเข้าสู่ใจเหมือนดัง ปัง ปัง ปัง เลยค่ะครู
เหตุผลมาทีหลังเสมอ net ใช้การไม่ได้ กิเลสก็หลอกล่อให้ ไม่อยากเปิดคอม ดีที่เปิดสมุดขึ้นมาเขียนแทน แต่ก็ไม่ได้ต่อเนื่อง แล้วที่บกพร่องชัดเจนคือ เมื่อมีโอกาสไม่นำสิ่งที่อยู่ในสมุดมาพิมม์ส่ง ศีลข้อสี่ด่างพร้อม อธิษฐานบารมีบกพร่อง ความตั้งมั่นไม่เต็ม
น้อมมาปรับปรุงค่ะ ลึก ๆ รู้สึกดีใจค่ะครู ที่ครูเมตตาไม่เคยละทิ้งศิษย์ไปจากใจ ทุกถ้อยความ ทุกถ้อยคำ รับรู้ได้ถึงความเมตตาจากใจครู ชี้ข้อบกพร่องให้เร่งแก้ไข
เมื่อเช้าติ๋วขับรถมาจากกาฬสินธุ์ นึกถึงเทศน์ของหลวงตาที่ท่านเอ่ยถึง “หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท” เกี่ยวกับการฝึกตนในเรื่องสมาธิ ประมาณว่า พระพุทธเจ้าท่านฝึกมาจนได้ สมาธิขั้นต่าง ๆ แต่เรานี่เป็นผู้ฝึกตนนั่งภาวนาทีไรยังสัปหงก มันจะใช้ได้เหรอ”
ภาพการนอนหลับเฝ้าครูที่วัดป่าบ้านตาดปรากฏขึ้นมาให้รู้สึก “ละอาย” เจ้าค่ะ
วันนี้ทั้งวันจิตจดจ่ออยู่กับการสอนน้องฝึกงาน เป็นความตั้งใจต่อตนเองว่า
“ทำให้ดีที่สุด รับใช้น้อง ๆ ให้ดีที่สุด การที่เราได้เจอะเจอใครสักคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันต้องมีอะไรแหละถึงต้องมาเจอกัน”
ตั้งใจแต่ไม่คาดหวัง น้อง ๆ ทำให้ติ๋วเห็นตนเอง ณ วันแรก ๆ ที่เริ่มรู้จักครู กับความ “น่าเอ็นดู” ของน้อง ๆที่จมอยู่กับ “ความคิด” เหมือน “ไอ้ติ๋วคนเก่าเลยค่ะครู” มีแต่คิด ๆ แต่ไม่ค่อยทำ ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หวังผลเยอะแยะ ดูเหมือนว่า ปัจจุบันนี้ติ๋วเองก็ยังมีเชื้อเหลือ ถึงยังขาดความตั้งมั่นอยู่
การที่เราได้เจอใคร ๆ มันคือ “โอกาส” คำกล่าวนี้ของครูดังขึ้นมาเตือนสติ จงน้อมรับโอกาส
การให้ทาน คือ การให้โอกาสอย่างไม่มีประมาณ
ตอนนี้เหมือนน้อง ๆ เข้ามาสะท้อน มาสอนติ๋ว มาสะท้อนว่า
“ครูนำพาติ๋วมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ครูใช้แรงกายแรงใจมากแค่ไหน” ยิ่งหันมองรอบ ๆ กาย กับความรู้สึก เบาในใจ ยิ่งรู้สึกของพระคุณครูมากเท่านั้น
“อ้อ”
ณ วันพระราชทานเพลิงสรีรสังขารขององค์หลวงตา คำสั้น ๆ ที่ครูให้ไว้ว่า
คอยดังขึ้นมาในใจ ทำให้ความขุ่นมัวหายไปไหนไม่รู้ค่ะครู เหลือเพียงการดำรงอยู่ แบบพึ่งพากันและกัน เป็นการดำรงอยู่เพื่อดำรงอยู่จริง ๆ อากาศร้อน คนแน่นแทบขยับไม่ได้ มีการแบ่งปันน้ำแบ่งปันข้าว อากาศที่ร้อนอบอ้าวก็เข้าไม่ถึงใจของผู้มีความตั้งใจมาปฏิบัติบูชาต่อครูบาอาจารย์เลยค่ะครู
รักและเคารพครูค่ะ
เจ้าติ๋ว
ไม่มีความเห็น