จะเชื่อใคร ก็หวั่นไหว ในถ้อยคำ
ยากจะชำแหละแยะดีชั่ว
เรื่องการเมืองพูดมากไปก็เปลืองตัว
บอกตรงตรงว่ายังกลัว "ความมืดดำ"
ความเกลึยดโกรธอาฆาตขาดเมตตา ได้ปรกคลุมทั่วแผ่นฟ้า ณ สยาม
เผด็จการทำลายชาติขาดงดงาม เกิดวัฒนธรรมการเมืองทรามมาซ้ำเติม
แบ่งเป็นกลุ่มสุมไฟฝ่ายตรงข้าม แผ่ลุกลามย่ามใจให้ฮึกเหิม
สภานการณ์ปฏิวัติชัดเพิ่มเติม จากจุดเริ่มไม่ยอมรับผู้นำใด
ผู้นำใดใครขึ้นมาไร้สามารถ ถูกตวาดชั่วช้าน่าหมั่นไส้
เป็นตามกฎสถานการณ์อันตราย ไม่เข้าใจวิบัติชาติล่มจม
ลองค้นหารายการผ่านทีนิวส์ น่าสยิวสยองบอกขย่ม
6 มีนาออกรายการวานท่านชม ชาติจักล่มบอกเอาไว้ให้ระวัง
สวัสดียามเช้าค่ะพี่อิงจันทร์
แวะมาทักทายถามข่าว สบายดีนะค่ะ ช่วงนี้พี่อิงจันทร์คงปิดเทอมแล้ว
ทุกเสียงลือเล่าอ้างที่มี เสียงนี้ยังต้องค้นหา
ยังคงต้องใช้เวลา ดูว่าเท็จจริงสิ่งได้ยิน
สวัสดีค่ะพี่อิง
ยังยืนยันมั่นคงความตรงฉิน
ถึงอ่อนหัดก็ไม่โกงใครกิน
พวกติฉินนินทาให้ว่าไป
สักวันโจรคงได้ชดใช้กรรม
สวัสดีค่ะ
โดนใจจริง ๆ วันนี้ชมข่าวแว็บ ๆ ๆ ก็ไม่อยากฟังอะไรเลยค่ะ เรื่องที่ว่ายังไม่ออกค่ะ คงรอนานหน่อย แต่รับรองมีนะคะ
เห็นเขาพูดวิจารณ์ตนให้ค้นคิด ถูกหรือผิดคิดตรองให้ผ่องใส
ถ้าไม่ดีนี้รีบกลับปรับกายใจ ถึงดีไซร้ก็ต้องทนคนนินทา
ถึงสรรเสริญเพลินใจอย่าได้หลง อย่าทะนงหลงปลื้มลืมตนหนา
สิ่งเหล่านั้นเลือนหายคล้ายมายา เพียงมาผ่านไปให้บทเรียน
สิ่งใดดีที่เป็นคุณหนุนเนื่องชาติ ถ้าฉลาดให้ทำจริงยิ่งเสถียร
ถ้าไม่ดีก็อย่าทำซ้ำวนเวียน เขาพากเพียรใสส่งจงคิดดู
การเมืองไทยในวันนี้ที่สับสน เพราะว่าคนมัวแย่งชิงยิ่งอดสู
ถ้าทุกคนรู้รักจักเชิดชู จงตรองดูสามัคคีพี่น้องไทย
มาเถิดท่านมารักกันฉันพี่น้อง มาปรองดองเพื่อชาติอาจสดใส
มาร่วมกันพัฒนาประชาไทย ให้อำไพสงบสุขทุกโมงยาม
นอปอชอและก็แดงแรงเหลืองนี้ ล้วนน้องพี่คนไทยในสยาม
ทำอย่างไรชาติไทยจักงดงาม ให้พยายามทำเพื่อชาติอย่าเพื่อตน...
มาอ่านบทกลอน ชอบ-ชัง-ดิบ-ดี ของคุณครู
ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
"...พระมหาวินัย..."
พิมพ์ตกไปคำนึง คำว่า "ผ่าน" เพียงผ่านมาผ่านไปให้บทเรียน...
..เพราะว่าคนมัวแย่งชิงยิ่งอดสู. เปลี่ยนเป็น ถ้าทุกคนมัวแย่งชิงยิ่งอดสู. ความจะกลมกลืนดีกว่า ขออภัยนะครับ ที่เพิ่มเติมบ่อย.
ก็ไม่รู้เขาโกรธกันแต่ปางใด จึงลากไส้มาด่าว่าทับถม
อย่างหยาบคายร้ายหนอคารมคน มิรู้เหตุรู้ผลรู้ประมาณ
ขุดโคตรเหง้าเหล่ากอมาล้อเล่น มิรู้เห็นก็โดนจำหลักประหาร
ซ้ำซ้ำซากซากลากสามานย์ เห็นแต่ความ "ป่วยการ" อหังการ์
เรามิได้เข้าข้างฝ่ายสีใด แต่มิชอบใจ ในอ้าง "อหิงสา"
ก็เคยจุ๊บเคยฟอดกอดกันมา พอมิได้ดังเจตนา ก็ว่า "ทราม"
เห็นเขาพูดวิจารณ์ตนให้ค้นคิด ถูกหรือผิดคิดตรองให้ผ่องใส
ถ้าไม่ดีนี้รีบกลับปรับกายใจ ถึงดีไซร้ก็ต้องทนคนนินทา
ถึงสรรเสริญเพลินใจอย่าได้หลง อย่าทะนงหลงปลื้มลืมตนหนา
สิ่งเหล่านั้นเลือนหายคล้ายมายา เพียงผ่านมาผ่านไปให้บทเรียน
สิ่งใดดีที่เป็นคุณหนุนเนื่องชาติ ถ้าฉลาดให้ทำจริงยิ่งเสถียร
ถ้าไม่ดีก็อย่าทำซ้ำวนเวียน เขาพากเพียรใสส่งจงคิดดู
การเมืองไทยในวันนี้ที่สับสน ถ้าทุกคนมัวแย่งชิงยิ่งอดสู
ถ้าทุกคนรู้รักจักเชิดชู จงตรองดูสามัคคีพี่น้องไทย
มาเถิดท่านมารักกันฉันพี่น้อง มาปรองดองเพื่อชาติอาจสดใส
มาร่วมกันพัฒนาประชาไทย ให้อำไพสงบสุขทุกโมงยาม
นอปอชอและก็แดงแรงเหลืองนี้ ล้วนน้องพี่คนไทยในสยาม
ทำอย่างไรชาติไทยจักงดงาม ให้พยายามทำเพื่อชาติอย่าเพื่อตน...
เป็นผู้หญิงนิ่งไว้อย่าใจง่าย เมื่อผู้ชายมาจีบอย่ารีบหนา
ให้สำรวมท่าทีมีจรรยา อย่าชะล่าเลินเล่อเผลอดีใจ
อันงานบ้านการเรือนอย่าเชือนชัก ให้ประจักษ์อย่าด่างพร้อยพลอยสวยใส
อัธยาสัยให้งดงามต้องตามวัย แต่งกายใจให้อ่อนน้อมเพียบพร้อมดี
แม้นพูดจามีคะขาคงน่าฟัง จงยับยั้งพูดไม่งามหยามศักดิ์ศรี
เหมือนได้รับการอบรมสมสตรี นวลน้องนี้สวยจรรยาน่าชื่นชม
เป็นผู้หญิงนิ่งไว้อย่าไหวหวั่น จงตั้งมั่นทำใจให้เหมาะสม
มีความดีมากมายชายชื่นชม หมั่นอบรมตนเองชายเกรงกลัว
เนื่องจากไปอ่านกลอนสุภาษิตสอนหญิงในบันทึกที่คุณครูสร้างไว้ นานแล้วหละ จึงอยากเขียนอะไรไว้เป็นหลักฐานบ้าง จึงนำมาไว้ในบันทึกนี้ให้คุณครูได้อ่าน
พระมหาวินัย
บทกลอนพระคุณเจ้าเทียบเท่ามืออาชีพ อิงจันทร์เลยวัยชายจีบแล้วเจ้าขา
ตอนเป็นสาวชายก็หลบพบเย็นชา คงเพราะว่าความสวยนั้นหลบใน
ก่อกำแพงแผงกั้นนั้นหนาปึ๊ก มิรู้สึกรู้สาใครมาใกล้
ถือคติมั่นเสมอมิเผลอใจ เขาว่า "หยิ่ง ดีกว่า เขาว่า "ง่าย" นะแม่คุณ
***ขอบพระคุณ พระคุณเจ้าค่ะ ที่แวะไปอ่านบันทึกก่อน ๆ ของครูอิง และแต่งบทกลอนความหมายดี ๆ ให้อ่าน จะพิมพ์เป็นอักษรตัวโต ๆ ติดไว้ในห้องสมุดโรงเรียน เพื่อเตือนสตินักเรียนหญิงค่ะ***
เห็นข้อสอบ จงตั้งใจ อย่าได้หวั่น สิ่งสำคัญ อ่านให้ดี ตีปัญหา
ค่อยค่อยคิด ทีละตอน ก่อนจึงกา ถึงเสร็จช้า ไม่เป็นไร ทำให้ดี
สิ่งเหล่านี้ เคยสอนสั่ง จงยั้งคิด ถูกหรือผิด ตอบให้เห็น เป็นศักดิ์ศรี
เหมือนได้รับ การศึกษา มาอย่างดี ถึงคราวนี้ ต้องทดลอง ไต่ตรองก่อน
ถ้านักเรียน เขียนถูก ทุกทุกข้อ ครูก็ขอ ชื่นชม สมสั่งสอน
ฝากข้อคิด สะกิดใจ ไว้เป็นกลอน แทนคำสอน ก่อนจะจาก พรากไกลกัน.
ที่ระลึก นักเรียนชั้น ม.๓ คราวสอบปลายภาค
ซึ่งบางคนก็จะไปเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนอื่น
"..พระมหาวินัย..."
๕ มี. ค. ๕๔
พอดีไปแสดงความในบันทึก "มาฆบูชา วันเพ็ญประหลาดมหัศจรรย์" ของคุณครู ก็แสดงไว้นานแล้วหละ แต่เสียดายว่าไม่มีคนไปอ่าน เสียดายความเห็นที่แสดงไว้ ก็เลยขออนุญาตนำมาลงไว้ในที่นี้ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจใคร่ศึกษาต่อไป..ความเห็นที่แสดงไว้ในบันทึกนั้นมีดังนี้
คุณครูแต่ก่อนพระพุทธศาสนาของเรานั้น ตอนก่อนหน้านี้ที่จะมีวันมาฆบูชา พระพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุ ๖๐ รูปว่า เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประกาศพรหมจรรย์ฯ แต่ก่อนใช้คำว่าพรหมจรรย์ พอหลังจากที่ตรัสรู้แล้วได้ ๙ เดือน เมื่อพระมากันมาก ๆ พระพุทธเจ้าก็เลยถือเอาโอกาสนี้ แสดงหลักคำสอนที่เป็นหัวใจศาสนา เรียกกันว่า โอวาทปาฏิโมกข์ เป็นคำตรัสในรูปคาถา สามคาถาครึ่ง คาถาคือรูปแบบแห่งคำประพันธ์ในภาษาบาลี เป็นคำที่กลั่นกรองมาดีแล้ว เพราะฉะนั้นคาถาพุทธพจน์จึงเป็นคำที่มีความหมายสมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถ(ความหมาย) พยัญชนะ(ตัวหนังสือ)
คาถาก็คล้ายกลอนแปดบ้านเรา คาถาหนึ่งมี่สี่บาท ๘ พยางค์เป็น ๑ บาท ๔ บาทเป็น ๑ คาถา มีวิธีกำหนดอยู่ นับเรื่อยไป จนเป็นภาณวาร สุดท้ายเป็นขันธ์ ดังที่เราได้ยิน แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ที่จริงก็ย่นย่อลงในโอวาทปาฏิโมกนี้แล
และบาทสุดท้ายที่ตรัสในโอวาทปาฏิโมกข์ มีคำนึงว่า "เอตํ พุทฺธานสาสนํ" แปลว่า นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย (ผู้รู้ทั้งหลาย) คำว่า "พุทธานสาสนํ" นี่แล จึงกลายมาเป็นชื่อเรียกว่า พระพุทธศาสนา ในที่สุด
กล่าวถึงพระอรหันตขีณาสพ ๑,๒๕๐ รูปนั้น ถ้าจะมองในเรื่องราวเหตุที่พอจะเป็นไปได้ ท่านเหล่านั้นความจริงเคยเป็นนักบวชนอกพุทธศาสนามาก่อน ธรรมเนียมของนักบวชเหล่านั้น (วันธรรมสวนะ เราก็เอาเยี่ยงอย่างนักบวชที่มีอยู่ก่อน มาเป็นแบบ) เมื่อถึงวันเพ็ญ เขาจะมาประชุมกันสาธยายหลักคำสอน หรือประชุมกันบูชายัญ หรือทำพิธีกรรมบางอย่างของแต่ละลัทธิ และเมื่อท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์แล้วก็จริง ด้วยความเคยชิน (พระอรหันต์ ละกิเลสได้หมด แต่ละวาสนาไม่ได้ วาสนาหรือที่เราเรียกว่า"สันดาน"นั่นแหละ เรานำคำว่า"วาสนา"มาใช้โดยการเปลี่ยนแปลงความหมายใหม่ ) เมื่อถึงวันมาฆะ ก็เลยมารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า นี่พูดถึงเรื่องเหตุผล ความจริงพระที่มาในตอนนั้น มีมากกว่า ๑,๒๕๐ รูป แต่จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป เป็นจำนวนเต็ม ง่ายต่อการจดจำท่านพระอรรถกถาจารย์จึงบอกไว้เช่นนั้น ในท้องเรื่องธรรมบทมีปรากฏลักษณะนี้เป็นพื้น เช่นว่านิมนต์ พระสงฆ์มีประมาณ ๕๐๐ รูป มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ไปฉันในวันพรุ่ง
แต่ถ้าจะมองในเรื่องของความอัศจรรย์ก็เป็นสิ่งที่อัศจรรย์ แต่สิ่งอัศจรรย์ที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญก็คือ "อนุสาสนีปาฏิหาริย์" คือคำสอน (อนุสาสนี แปลว่าตามสอน, พร่ำสอน,) ในบรรดาปาฏิหาริย์ ๓ คือ อิทธิปาฎิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการแสดงฤทธิ์ได้, อาเทสนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการอ่านใจ ทายใจ กำหนดรู้จิตใจผู้อื่นได้, ทั้งสองอย่างนี้ไม่อัศจรรย์เท่า อนุสาสนีปาฎิหาริย์ เพราะอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ย่อมสามารถยังพระศาสนาให้ตั้งมั่นและเจริญได้..
ลักษณะบุรุษโทษ ๑๘ ประการ กำลังทำ จะเสร็จวันนี้หละครับ ข้อมูลสมบูรณ์มาก