อภิปรายในชั้นเรียนด้วยประเด็นเด็ด


ขับรถขณะมึนเมา ต่อให้เลี้ยงขนมจีน 999 กิโลกรัม ที่สี่แยกราชประสงค์ มีแม่หม้ายนับร้อยมาผู้ข้อมือเรียกขวัญ ก็ตายได้เหมือนกัน

         ช่วงนี้มีข่าวที่คนสนใจมากมาย เช่น การประท้วงโค่นล้มรัฐบาลที่เกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ในประเทศต่างๆในแถบโลกอาหรับ ข่าวความสัมพันธ์ไทย- กัมพูชา แต่ข่าวที่ดังไม่แพ้ข่าวอื่นคือกระแสข่าวลือเรื่องปีนี้จะมีเคราะห์ร้ายถึงชีวิตกับคนที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส. เสือ , อ. อ่าง หรือบางกระแสอาจมากกว่านี้ ซึ่งจะต้องแก้เคล็ดด้วยการเลี้ยงขนมจีนโดยต้องมีน้ำหนักลงท้ายด้วยเลข 9 ที่ทางสามแพร่งบ้าง สี่แยกบ้าง แล้วแต่พื้นที่ของกระแสข่าวลือ อีกทั้งยังต้องมีแม่หม้าย 9 คน มาผูกข้อมือเรียกขวัญ เท่านั้นยังไม่พอยังต้องติดป้ายหน้าบ้านอีกว่าบ้านนี้ไม่มีคนชื่อ ส. เสือ อ. อ่าง

         เมื่อนำหลักทางพุทธศาสนา และวิทยาศาสตร์ มาวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลของการแก้เคล็ด กับผลที่ได้ในการพ้นเคราะห์กรรมต่างๆ ไม่มีความสอดคล้องหรือเป็นเหตุเป็นผลกันเลยดังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่า “กมฺมุนา วตฺตตีโลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ใครทำกรรมใดไว้ก็จะได้อย่างนั้น อาจเป็นไปได้ที่คนที่อยู่ในกลุ่มที่จะมีเคราะห์มีสติมากขึ้น ระมัดระวังตนเองมากขึ้นเนื่องจากความกลัว ทำให้ไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น เมื่อมองอีกแง่หนึ่งถ้าคนที่ทำพิธีแก้เคล็ดแล้วยังตั้งตนอยู่ในความประมาทอยู่ เช่น ขับรถขณะมึนเมา ต่อให้เลี้ยงขนมจีน 999 กิโลกรัม ที่สี่แยกราชประสงค์ มีแม่หม้ายนับร้อยมาผู้ข้อมือเรียกขวัญ ก็ตายได้เหมือนกัน

       ว่าแล้วผมก็ไม่รอช้า ผมได้นำเอาประเด็นนี้มาอภิปรายเสริมในห้องเรียนผลปรากฏว่ากระแสตอบรับเป็นอย่างดีนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและให้ความสนใจ มีทั้งกลุ่มที่มองว่าเป็นเรื่องงมงาย และกลุ่มที่ยังมีความเชื่ออยู่แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ตั้งหลักในเรื่องความคิดความเชื่อ

       ในมุมมองของกระผมคิดว่ากิจกรรมนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จในการฝึกให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์รู้จักนำเอาหลักธรรม หลักวิทยาศาสตร์ มาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาไม่หลงเชื่อสิ่งต่างๆมีภูมิคุ้มกันข่าวสาร และได้ฝึกอภิปรายแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้

         แถมท้ายหลักธรรม “กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10” หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร 1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) 3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) 6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) 7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) 8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) 9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) 10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ) ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

คำสำคัญ (Tags): #ชัยภูมิ8#อภิปราย
หมายเลขบันทึก: 429198เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2011 15:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ประเด็นอภิปรายน่าสนใจ
  • ทำให้เด็กกระตือรือร้นในการร่วมอภิปรายนะคะ
  • "ประเด็นเด็ด" ชอบใจคำนี้ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท