พระของหนู:ตอน ๑


เค้าเรื่องจากทางชีวิต ส.ร.

     อยากรู้นักหรือว่า   ทำไมฉันจึงมาเป็นเมียเช่า   ก็ได้   ฉันจะเล่าเรื่องเช่าเมียคนหนึ่งให้ฟัง   แล้วคุณจะเชื่อหรือไม่   หรือจะคิดว่าจริงไม่จริงยังไง   หรือจะคิดว่ามีเหตุผลสมควรหรือไม่สมควรยังไงจึงเป็นเมียเช่า   ก็แล้วแต่คุณ   เอาหละเริ่มเรื่องกันเลยนะ

  

     มีครอบครัวหนึ่ง   มีพ่อมีแม่มีลูกสี่คนเป็นชายสองหญิงสอง   ความจริงมีห้าคน   คือเป็นชายหัวปี   คนกลางกับคนสุดท้อง   แต่คนสุดท้องถูกหมากัดตาย   เสียชีวิตตั้งแต่เล็ก พ่อแม่จึงเหลือลูกเพียงสี่คน

    

     ครอบครัวนี้ยากจนมาก   มีนาเพียงห้าไร่เท่านั้น   ซ้ำเป็นนาดอนด้วย   จึงทำนาไม่ค่อยได้ผล   เพราะขาดน้ำ    บ่อน้ำที่ขุดนั้นแม้จะลึกมาก   มองลงไปเห็นแต่ความมืดกับเงากระเพื่อมของน้ำ   แต่ก็มีน้ำน้อย   ตักน้ำขึ้นมากินมาใช้เกือบไม่พอ   มีเหลือสำหรับตักไปรดข้าวรดผักได้ไม่เท่าไร   แต่ครอบครัวนี้ก็ทนอยู่เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน   ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร   และพ่อแม่ก็เคยอยู่ที่นี่

 

     ครอบครัวนี้เจียมกายเจียมใจมาก   เวลาไปวัดในวันพระ ซึ่งครอบครัวนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องไปทำบุญตักบาตรทุกวันพระ เวลาไปก็ชอบไปนั่งแอบอยู่ตามมุมศาลาในกลุ่มคนจนด้วยกัน   ไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปในกลุ่มคนมีเงิน   การแต่งตัวของลูกๆก็สู้เขาไม่ได้ การสังคมก็แคบ   จะไปเที่ยวเตร่ที่ไหนบ้างก็ไม่เคยไป   เพราะไม่มีเงิน   การกินก็อด  ๆ  อยาก  ๆ   รูปร่างหน้าตาก็สู้เขาไม่ได้   พ่อแม่ดูแลสุขภาพลูก  ๆ   ด้วยความหดหู่ใจ   บางครั้งแม่แอบร้องไห้ด้วยความสงสารลูก   ลูกทั้งสี่คนนั้นได้เรียนหนังสือจบเพียงชั้น  ป.๔   จบแล้วก็ยังอ่านหนังสือไม่คล่องเขียนไม่ถูก   แต่ทุกคนแข็งแรง   อยู่ในโอวาทของพ่อแม่   เพราะพ่อคอยดูแลตักเตือนสอนให้รู้จักฐานะของตนเอง   เช่นสอนว่า

    

     “...พ่อสงสารลูกที่ไม่มีอะไร  ๆ  ไม่เท่าเทียมเขา   แต่เราจน   ก็ต้องอยู่อย่างคนจน   ไม่มีพ่อที่ไหนที่ไม่อยากให้ลูกอยู่ดีกินดี   แต่งตัวดี   มีความรู้ดี   แต่จนใจจริง  ๆ   ที่เราจน   แม้จนอย่างนี้   เราก็ไม่ลักขโมยกิน   ไม่เอาเปรียบใคร...”

 

     ลูกชายนั้นเมื่อโตพอจะบวชได้ก็ไม่สามารถบวชได้    เพราะพ่อแม่ไม่เงินบวช   ต่อมาก็เลยถูกทหาร    แต่ไปเข้ารับการฝึกผลัดที่สอง จึงมีเวลาอยู่กับพ่อแม่อีกหลายเดือน   วันหนึ่งลูกชายลาพ่อไปงานบวชเพื่อน   แม้ดึกแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน   แม่นั่งจุดตะเกียงนั่งคอยการกลับมาของลูกด้วยความเป็นห่วง   แม้พ่อจะบอกว่านอนเถอะ   ถึงคราวจะมีเรื่อง   ยังไง  ๆ   ก็ต้องมี   ถ้าไม่ถึงคราวยังไง   ๆ   ก็ไม่มี เราวิตกเป็นห่วงไปก็เท่านั้น   ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากเป็นทุกข์ล่วงหน้า   แม่บอกว่านอนไม่หลับ   เป็นห่วงไอ้หนูเหลือเกิน    เกรงว่าจะมีเรื่อง   ฉันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้

หมายเลขบันทึก: 428736เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2011 20:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท