สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวไว้ใน “ตำนานพระราชนิพนธ์บทละครนอก” ว่า
…..ละครที่เล่นเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น ต่างกันเป็น 2 อย่าง เรียกว่าละครในอย่างหนึ่ง ละครนอกอย่างหนึ่ง ละครใน คือ ละคร
จวบมาจนถึงรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝึกหัดละครผู้หญิงของหลวงเล่นดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โปรดให้ละครผู้หญิงของหลวงเล่นเรื่องอื่น ๆ สู้ละครผู้ชาย จึงทรงเลือกละครนอกบางเรื่องมาทรงพระราชนิพนธ์บทขึ้นใหม่เฉพาะตอนที่จะให้ละครผู้หญิงของหลวงเล่นคือ เรื่องไชยเชษฐ์ เรื่องสังข์ทอง เรื่องไกรทอง (รวมทั้งหมด6 เรื่อง) ผู้หญิงเป็นของหลวงเล่นในการพระราชพิธี เล่นแต่เรื่องรามเกียรติ์ อุณรุท กับอิเหนา 3 เรื่อง เท่านั้นละครนอก คือ ละครที่ราษฎรเล่นกันในพื้นเมืองตัวละครเป็นชายทั้งนั้น เล่นเรื่องต่าง ๆ ยกเว้น 3 เรื่องนั้นจึงเรียกว่าละครนอก
ข้อความในตำนานดังกล่าวทำให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรง พระราชนิพนธ์บทละครเนื่องสังข์ทอง
………ในวันที่ 24 เวลาเช้า 1 โมง ได้ขึ้นรถม้าเจ้านครลำปางไปตามถนริมน้ำ แล้วเลี้ยวขึ้นถนนอินทคีรีไปเมืองลับแล ระยะทาง 200 เส้นเศษตั้งแต่ริมน้ำขึ้นไปเป็นที่น้ำท่วมแลเป็นป่าแดง แล้วจึงถึงป่าไม้ซึ่งเป็นที่ร่มมากกว่าที่แจ้ง ป่าไม้ริมถนนนี้ เข้าได้ห้ามไว้ข้างละ 5 เส้น ไม่ให้ผู้ใดตัด
พอออกจากป่าก็ถึงพลับพลาเมืองลับแล แลเห็นภูเขาตั้งเป็นคันเทือกใหญ่ยาว ที่ปากถนนนั้นก็มีบ้านเรือนตั้งขึ้นมากหลายหลัง ตั้งแต่พอพ้นจากป่านี้ไปภูมิประเทศก็เปลี่ยนแลดูเหมือนประเทศชวาในมณฑลเปรียงคาร์ถนนผ่านไปในท้องนามีสายน้ำไปริมทางบ้าง ข้ามไปบ้างเป็นน้ำซึ่งปิดด้วยฝายให้ล้นมาตามลำราง
เมื่อจะเปิดเข้านาแห่งไหนก็ไขให้ตกไปได้ ต้นข้าวในท้องนาอ้วนและรวงใหญ่งามสะพรั่งสุดสายตาดีกว่าที่ชวาเป็นอันมาก แต่กระนั้นพวกราษฎรยังพูดว่าปีนี้ฝนน้อยไปไม่งามเหมือนปีกลาย การที่ฝนน้อยไปฤามากไปไม่เป็นอันตรายถึงทำให้เสียข้าวในนานั้นเลย คงจะได้ข้าวอยู่เสมอ เว้นไว้แต่ถ้าฝนงามดีคอข้าวก็ยิ่งใหญ่งามมากขึ้น
เมื่อสุดที่นาก็ถึงหมู่บ้าน ซึ่งล้วนเป็นสวนต้นผลไม้ปลูกยัดเยียดกันเต็มแน่นไปในหมู่บ้านเช่นนี้ ก็คล้ายกันกับที่ชวา แต่ของเราดีกว่าที่ล้วนแต่เป็นต้นไม้มีผลทั้งสิ้น แลเป็นหมู่ใหญ่ ๆ กว่า ที่ตามริมถนนก็กั้นรั้วและปลูก1
1วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา (หน้า 76)
ไม่มีความเห็น