วันหนึ่งไปนั่งรอรับลูกสาวในร้านกาแฟสด เห็นวารสาร อยู่ในบุญ ของวัดพระธรรมกายวางอยู่ จึงหยิบมาอ่าน อ่านแล้วเห็นว่าการอธิบายหลักธรรมในวารสารแปลกไปจากที่เคยอ่านพบมาไม่ว่าจะจากหนังสือที่พระคุณเจ้าท่านใดรจนา หรือในพระไตรปิฎก
ขอยกมาเล่าต่อนะคะ ว่าข้อความที่อ่านพบเป็นอย่างไร
สัมมาทิฏฐิ = เข้าใจถูก คือมีความเข้าใจในหลักธรรม เช่น กฎแห่งกรรม
สัมมาสังกัปปะ = มีความคิดดี คิดจะออกจากกาม ไม่คิดพยาบาทหรือเบียดเบียน
สัมมาวาจา = เจรจาชอบ เว้นวจีทุจริต ๔ ได้แก่พูดปด ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ
สัมมากัมมันตะ = มีการกระทำที่ถูกต้อง เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
สัมมาวายามะ = พยายามชอบ เพียรที่จะแก้นิสัยตน ละชั่ว ทำดี ตามรักษาความดีที่ได้ทำ
สัมมาสติ = มีสติดี ไม่ประมาทเผลอไผล เก็บใจมาอยู่กับตัวได้
สัมมาสมาธิ = ใจตั้งมั่นในตำแหน่งที่ถูกต้อง ปักดิ่งลงไปในสติ หากสติสมบูรณ์ สมาธิจึงจะเกิดขึ้น
วัดพระธรรมกาย วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๖๙ ประจำเดือน กรกฎาคม ๒๕๕๑
ที่ว่าแปลกใจเพราะเท่าที่เรียนรู้มา ไม่พบการอธิบายสัมมาสมาธิในลักษณะนี้ พบแต่ว่าสัมมาสมาธิคือสมาธิที่เป็นบาทฐานของปัญญา หมายเอาฌาน ๔มีสติบริสุทธิ์อยู่ด้วยอุเบกขา
คุณแปลกใจเหมือนกันไหมคะ
แต่ถ้าได้อ่านบทความของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว อาจจะไม่แปลกใจก็ได้ค่ะ
เพราะอะไร .........................
ขอยกข้อเขียนของท่านมาแสดงไว้ในที่นี้
ตัวอย่างขณะนี้ ก็คือ กรณีสำนักธรรมกาย ซึ่งต้องขออภัยอีกที่จะพูดว่า ได้เผยแพร่คำสอนแปลกปลอมด้วยวิธีการทุกรูปแบบ เช่น
-ยกเอาคำบาลีในพระไตรปิฎก และในอรรถกถาเป็นต้นขึ้นมาใช้ แต่ใส่ความหมายตามลัทธิตนเองเข้าไปแทน
-อ้างพระไตรปิฎก และอรรถกถาเป็นต้น อย่างสับสนปนเปกับลัทธิของตนบ้าง แปลยักเยื้องให้เข้ากับหรือสนับสนุนลัทธิของตนบ้าง
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กรณีธรรมกาย หน้า ๑๖๑
หรือ
วัดพระธรรมกาย เผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น
๑สอนว่านิพพานเป็นอัตตา
๒สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวตน เป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน
๓สอนเรื่องอายตนนิพพาน ที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น
คำสอนเหล่านี้ ทางสำนักพระธรรมกายสอนขึ้นใหม่ ผิดเพี้ยนออกไปจากธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า...................
................ นอกจากนั้น ยังนำคำว่า บุญ มาใช้ในลักษณะที่ชักจูงประชาชนให้วนเวียนอยู่กับการบริจาคทรัพย์ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆชนิดที่ส่งเสริมความยึดติดถือมั่นในตัวตนและในตัวบุคคล อันอาจกลายเป็นแนวโน้มที่บั่นรอนสังคมไทยในระยะยาว พร้อมทั้งทำพระธรรมวินัยให้ลางเลือนไปด้วย
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กรณีธรรมกาย หน้า ๑๑ ๑๒
เชิญพิจารณาด้วยตัวเองนะคะ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถขอรับหนังสือ กรณีธรรมกาย มาอ่านได้ฟรีที่วัดญาณเวศกวัน ถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ค่ะ (เล่มล่าสุด พิมพ์ครั้งที่ ๒๕ เมื่อมกราคม ๒๕๕๓)
บันทึกนี้โดนใจที่สุดเลยค่ะ
เพราะสังเกตและติดตามข่าวของสำนักนี้มาตลอด ยังนึกแปลกใจอยู่เลยว่าผู้คนที่
หลั่งไหลไปร่วมทำบุญนั้นคิดอะไรอยู่ ส่วนใหญ่จะไปเพราะอยากได้รับผลตอบแทน
จากการทำบุญทั้งนั้น เช่น ทำมากได้บุญมาก ซึ่งผิดจากคำสอนที่เคยได้รับมา
โดยสิ้นเชิง
คนเราทำบุญต้องไม่หวังสิ่งใด หวังเพื่อให้เราได้ระลึกถึงตัวของเราและมีความสุขใจ
กับการทำเท่านั้นไม่ใช่หรือ.....
สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา
จากข้อความในหนังสือ กรณีธรรมกาย ที่ยกอ้าง
“ตัวอย่างขณะนี้ ก็คือ กรณีสำนักธรรมกาย ซึ่งต้องขออภัยอีกที่จะพูดว่า ได้เผยแพร่คำสอนแปลกปลอมด้วยวิธีการทุกรูปแบบ เช่น
-ยกเอาคำบาลีในพระไตรปิฎก และในอรรถกถาเป็นต้นขึ้นมาใช้ แต่ใส่ความหมายตามลัทธิตนเองเข้าไปแทน
-อ้างพระไตรปิฎก และอรรถกถาเป็นต้น อย่างสับสนปนเปกับลัทธิของตนบ้าง แปลยักเยื้องให้เข้ากับหรือสนับสนุนลัทธิของตนบ้าง”
จะเห็นเลยว่ากรณีนี้ไม่เกิดขึ้นเฉพาะธรรมกายเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับนักวิชาการทั้งหลายแหล่ที่ชอบอ่านหนังสือคนอื่นแล้วแปลงให้เป็นของตัวเอง เห็นอยู่มากมาย
สำหรับธรรมกายนั้นผมรับรู้ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรตัวน้อย ๆ แล้วครับ อาจารย์ที่โรงเรียนให้เข้ากิจกรรม วันที่ 1-5 ธันวาคม ที่จังหวัดน่าน ลองคิดดูนะครับว่าสนามหญ้าโล่ง ๆ อากาศหนาวขนาดไหนที่พวกเราไปนอนเพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ฝึกเรื่องเวทนาได้เป็นอย่างดี แต่ที่ได้รับในตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเวทนาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ได้รับคือ ห้ามใช้ผ้าคลุมไหล่ ให้ห่มครองผ้าเปิดไหล่เพื่อความสวยงามขณะถ่ายรูปและวีดีโอ แต่ขอโทษเถอะเจ้าหน้าที่และทีมงานใส่หมวกไหมพรมเสื้อแขนยาว พระทีมงานบางรูปที่ซ่อนอยู่หลังฉากใส่หมวกไหมพรมสีเหลือง ผ้าขนหนูหนา ๆ คลุมไหล่กันถ้วนหน้า...
สำหรับวัดญานเวศนั้นเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมะของผมเลยครับ และอยากส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนสนใจอ่านหนังสือของพระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เยอะ ๆ ท่านคือปราชญ์แห่งยุคนี้รูปหนึ่งครับ และเริ่งส่งเสริมพระเพื่อมาทดแทนในวันข้างหน้าด้วยนะครับ ขณะนี้ท่านอายุมากโข...
สำหรับผมนะเจอมากับตัวเอง ผมมีแฟนคบกันมา4ปีกว่าๆ
เมื่อต้นปีแฟนผมบอกให้พาพ่อแม่ผมไปคุยเรื่องแต่งาน ก้ไปคุยกัน ตกลงอันเป็นเรียบร้อย
หลังจากที่ผมกลับมา3-4วันแฟนโทรมาบอกไม่อยากแต่งซะแล้ว เพราะอะไรหรือคับแฟนผมบอกว่าตอนนี้กำลังเจอสิ่งที่อยากทำอยู่ นั้นคือเขาไปเข้าวัดธรรมกายมาคับ ผมก็พยายามให้เขาคิดซักนิดนะแต่เขากะพูดว่า ชอบทางนี้ซะแล้วถึงขนาดเป็นคนไปหาคนบวชเข้าธรรมกายเลย และก็พยายามชวนผมไปวัดธรรมกายด้วยกัน โดยใช้คำพูดออกทางชี้นำซะมากมาย ทำบุณเยอะๆจะด้ขึ้นสวรรค์
ผมอึ้งกับคำพูดเหล่านี้ ชี้นำให้คนมาบวช กับคนๆนั้น กับคนมีใจที่จะมาบวชเองด้วยใจบริสุทธ์ อันไหนมันได้บุญหรืออันไหนมันบาปคับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ
.......................................
คุณ rewshin คะ
ได้เขียนแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ไว้ในบันทึกนี้ค่ะ http://gotoknow.org/blog/nadrda/437598
อ่านหนังสือพระอาจารย์ พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต) มาพอสมควร มีศรัทธาอยากได้พบและฟังคำสอน เมื่อทราบว่าพระคุณเจ้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงได้แต่ตามอ่าน ศึกษาและภาวนา ระลึกถึงความเพียรและเมตตาของพระอาจารย์
พระอาจารย์เป็นปราชญ์ที่ไม่หยุดทำงานเลยค่ะ
ที่วัดญาณเวศกวัน เมื่อไปครั้งไหนจะพบผลงานใหม่ของพระอาจารย์ หรือเก่าชำระปรับปรุงเสมอ ขอชี้ชวนให้ไปเยี่ยมเยือนวัดญาณเวศกวันสักครั้งในชีวิตนะคะ
กรณีธรรมกาย ขอปรบมือให้คุณณัฐรดา ที่นำมาเขียนบันทึกค่ะ
ขอบคุณค่ะ