จากการเข้าร่วมประชุมเรื่องการทบทวนนิยามความหมายใหม่ของสังคมสงเคราะห์ในแถบเอเชียที่กรุงโตเกียว ซึ่งมีประเทศเอเซียเข้าร่วม 12 ประเทศและได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละประเทศจึงขอนำมาบันทึกไว้
ประเทศจีน
Yongxiang Xu, Vice president, Chiana Association for Social Work Education; East China Uneversity of Science and Technology. ได้เกริ่นนำความเป็นมาของการศึกษาสังคมสงเคราะห์ของจีนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติตั้งแต่ระหว่างปี 1920 -1930 มีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเปิดสอนการเรียนการสอนสังคมสงเคราะห์และมีการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและชนบท หลังจากปี 1949 จีนก้าวเข้าสู่ระบบคอมมูนิสต์บทบาทของงานสังคมสงเคราะห์จึงค่อยๆสูญหายไป
หลังปี 1979 จีนเริ่มเปิดประเทศและพัฒนาระบบเศรษฐกิจพิเศษทำให้ประชนชนมีรายได้เป็นของตนเองมาขึ้น การพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเขตเศรษฐกิจพิเศษส่งผลให้ประชาชนเกิดความขัดแย้งภายในตนเองและสังคมเพราะใช้ชีวิตที่ซับซ้อนและโดดเดี่ยวมากขึ้นรัฐเล็งเห็นปัญหาจึงได้เริ่มมีการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนานโยบายสังคมและในปี1987 กระทรวงศึกษา ได้นำการศึกษาสังคมสงเคราะห์ กลับมาอีกครั้ง อีก 5 ปีต่อมาได้จัดตั้งสมาคมการศึกษาสังคมสงเคราะห์
ในปี 2010นี้ประเทศจีนมีสถาบันการศึกษาสังคมสงเคราะห์ที่เปิด สอนในระดับปริญญาตรี 252 แห่ง ปริญญาโท 59 แห่ง และปริญญาเอก 12 แห่ง ในนครเซี่ยงไฮ้ มีบริการสังคมสงเคราะห์ทั้งในระดับชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล และองค์กรการกุศลต่างๆ งานสังคมสงเคราะห์มีความต้องการมากขึ้นในเมืองเศรษฐกิจพิเศษริมชายฝั่งทะเล เช่น เชี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และเมื่อมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ เขตหวินฉวน (Wenchuan) เมื่อ พฤษภาคม 2008 ภาพของงานสังคมสงเคราะห์ชัดเจนและได้รับการยอมรับจากสาธารณชนมากขึ้นเพราะ กลุ่มนักสังคมสงเคราะห์และองค์กรสังคมสงเคราะห์จากเมืองต่างๆได้รีบรุดเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่ประทับใจของประชาชนทั้งในระดับท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง จึงมีผู้สนับสนุน ยอมรับ การปฏิบัติงานในลักษณะการเกื้อหนุน ระบบสวัสดิการสังคม ขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าว่าปี 2015 จะมีนักสังคมสงเคราะห์ 2,000,000 คน ส่วน ปี 2020 มีเพิ่มขึ้นอีก 1,000,000 คน
รัฐบาลจีนมีมุมมองเกี่ยวกับสังคมสงเคราะห์ว่าเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศให้สังคมมีความสงบกลมกลืน สังคมสงเคราะเป็นส่วนหนึ่งของการบริการสาธารณะและสวัสดิการสังคม รัฐคิดว่าองค์กรพัฒนาเอกชนให้การสงเคราะห์ประชาชนในฐานะผู้ช่วยรัฐบาลและควบคุมดูแลสังคม ไม่ใช่ในฐานะของภาคีที่มีความเท่าเทียมกันเพราะรัฐบาลท้องถิ่นมักหันหน้าเข้าขอให้องค์กรเอกชนช่วยงานสังคมสงเคราะห์
อาจารย์โสภาครับ หากอยากรู้เรื่องราวเพิ่มเติมกี่ยวกับงานสังคมสงเคราะห์ในประเทศจีน สามารถศึกษาได้จากที่ไหนบ้างครับ และถ้าหากว่าสนใจไปทำงาน หรือเรียนต่อด้านสังคมสงเคราะห์ในประเทศจีน อาจารย์จะแนะนำไหมครับ และที่ไหนที่สามารถรับนักศึกษาไทยเรียนต่อโทบ้างครับคำถามสุดท้ายคืออยากทราบว่าปกติเคยมีนักศึกษาปริญญาตรีสังคมสงเคราะห์ไปฝึกวิชาชีพที่จีนบ้างไหมครับ และเขามีแนวจะเปิดรับนักศึกษาฝึกงานไหมครับอาจารย์