ขอบคุณความจน!!


                              ขอบคุณความจน!!

         เมื่ออาทิตย์ที่แล้วขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางเข้าไปประชุมที่ในตัวเมืองเชียงใหม่  เผอิญเหลือบไปเห็นท้ายรถคันหนึ่งเขียนข้อความติดท้ายรถว่า"ขอบคุณความจน"  ก็ให้นึกเอะใจว่าทำไมต้องขอบคุณความจน  คิดไปคิดมาก็ทำให้ถึงบางอ้อว่า"ก็ในความจนที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ เพราะมันทำให้อะไรก็ขัดสนไม่สะดวกสบาย แต่ทุกสรรพสิ่งบนโลกนั้นดูลึกลับซับซ้อนนัก หากมองให้ลึก ๆ ในความทุกข์ก็ยังมีความสุขซ่อนอยู่ ในความสับสนก็ยังมีความสงบซ่อนอยู่ เช่นกันในความยากจนก็ยังมีความรวยซ่อนอยู่เช่นกัน  หากเราจะมาคิดในทางบวกที่สร้างสรรค์ไม่รันทดท้อต่อชีวิต เราก็น่าจะขอบคุณความยากจนนะ  ที่สอนให้เรารู้จักความทุกข์ได้ดีกว่าคนรวย  ความจนสอนให้เราเป็นคนขยันเพราะหากไม่ขยันก็ไม่มีกิน  ความจนสอนให้เรารู้จักแบ่งบันความสุขให้แก่ผู้อื่นเพราะรู้ซึ่งถึงรสของความขัดสน  ความจนสอนเรามีความอดทนเพราะหากไม่อดทนก็คงไม่ผ่านความทุกข์ยากลำบากไปได้ ความจนสอนให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น  ความจนสอนให้เราเสียสละ  ความจนสอนให้เราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน  คนจนสอนให้เราเป็นคนที่ไม่ดูถูกดูหมื่นคนอื่น และอีกมากมาย

         นี่แหละ.. ทำไมเขาถึงต้องขอบคุณความจน  เพราะถ้าไม่มีความจนก็คงไม่มีความรวยอยู่บนโลกนี้  ธรรมชาติสอนเราให้รู้ถึงคุณค่าของทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้เสมอ  ด้วยทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเกื้อกูลแก่กันและกัน  คนเราเองต่างหากที่บางครั้งมองไม่เห็น  แบ่งเขาแบ่งเราจนวุ่นวายไปหมด  บนโลกนี้ไม่มีใครยิ่งไปกว่าใคร เพราะสุดท้ายเราก็ไปจากโลกนี้ดุจเช่นเดียวกัน  คือหลับตาตายลาโลกไปเช่นเดียวกัน..

คำสำคัญ (Tags): #ขอบคุณ
หมายเลขบันทึก: 427050เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2011 07:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ไม่รู้จนไม่รู้ค่าคำว่ารวย

ไม่ถูกหวยไม่รู้ค่าคำว่าหาย

ไม่มีเกิดไม่ย้ำคำว่าตาย

ไม่มีชายไม่มีหญิงยิ่งแย่จัง

                                  นมัสการครับพระคุณเจ้า

พระอาจารย์ครับ

ขอบคุณสำหรับแง่มุมดีๆ เกี่ยวกับ "ขอบคุณความจน" ครับ   ขอเพิ่มได้ไหมครับ ผมเห็นสำนวน "นักเทศน์" ที่ชอบพูดว่า "เราจะเห็นใจกันก็ยาม ๔ จ." คือ "ยามเจ็บ ยามจน ยามจาก จามเจ๊ง"   แต่ในความเห็นใจนั้น  เราสามารถเรียนรู้บทเรียนชีิวิตจาก ๔ จ. ดังกล่าว

ใน ๔ จ. นั้น มีอย่างน้อย ๒ จ. ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนพวกเรา คือ "จ. เจ็บ (พยาธิ) เรามีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา ไม่สามารถหนีพ้นจากสิ่งนี้ได้"  และ "จ.จาก (มรณะ) เราย่อมมีการพลัดพรากจากคนที่เรารัก ของเราเรารักเป็นธรรมดา ไม่สามารถหนีพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้"

พูดแล้วคิดถึงนิทานเรื่อง "ธรรมดา" นะครับ ที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านชอบกล่าวว่า "ตถตา" คือ "มันเป็นเช่นนั้นของม้ันเอง"  การเข้าใจความจริงเหล่านี้ทำให้เราสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข และไม่ทุกข์กับสิ่งที่มีและเป็นมากยิ่งขึ้นนะครับ   แต่จะมีสักกี่คนหละครับ ที่มองเห็นความเป็นไปของ "ความเป็นธรรมดา" ของสิ่งเหล่านี้

ด้วยสาราณียธรรมครับ 

ปล. ผมจะพาอาจารย์จากอังกฤษสองท่านไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่และเชียงรายวันที่ ๒๒-๒๕ เดือนนี้นะครับอาจารย์ ถ้าได้มีโอกาสพบอาจารย์คงเป็นบุญของผม รบกวนฝากเบอร์โทรที่เมล์ผม ถ้าท่านอาจารย์สะดวกนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท