พฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศชนิดชอบอวดอวัยวะเพศ
พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ชนิดชอบอวดอวัยวะเพศ เรียกว่า exhibitionism มักเริ่มต้นเป็นตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น แต่จะปรากฏอาการชัดเจนในวัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ตอนต้น และโดยทั่วไปอาการจะเป็นเรื้อรัง สาเหตุที่แน่นอนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีข้อสันนิษฐานของโรคต่างๆกัน เช่น ผู้ป่วยถูกประทุษร้ายในวัยเด็ก เป็นอาการทางระบบประสาท เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่เป็นสารสื่อประสาท หรือในบางรายพบว่าเป็นลักษณะหนึ่งของโรคย้ำคิดย้ำทำ อาการของผู้ป่วยจะเป็นมากขึ้นเวลาเครียด หรือมีช่องทางและโอกาสที่จะแสดงพฤติกรรมได้โดยง่าย
ลักษณะที่สำคัญของโรคนี้ คือ ผู้ป่วยมีความสุข และความตื่นเต้นจากการได้เปิดเผยอวัยวะเพศของตนเองให้คนแปลกหน้าดู ผู้ป่วยจงใจเปิดเผยอวัยวะเพศของตนให้คนแปลกหน้าเห็นและเกิดความตกใจ โดยไม่มีการข่มขู่ ผู้เคราะห์ร้ายโดยมากเป็นเด็กหญิงวัยเยาว์ ผู้ป่วยจะไปสถานที่เดิมๆ ซึ่งอาจเป็นสถานที่เปลี่ยว หรือสถานีขนส่งมวลชน เมื่อได้เห็นภาพเด็กตกใจกลัว ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายใจ บางรายทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองไปด้วยพร้อมๆ กัน
บุคลิกภาพของผู้ป่วยมักเป็นแบบเก็บกดความรู้สึก ยอมคน ขาดวุฒิภาวะ และมีความรู้สึกฝังใจว่าตนไม่มีความเป็นผู้ชาย ดูจากภายนอกจะเป็นคนเรียบร้อย ระมัดระวัง ประหม่าง่าย บางรายเป็นคนอ่อนโยน ทำงานจริงจัง มีความเป็นอยู่ปกติ เป็นผู้มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปัญหาบุคลิกภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญในผู้ป่วยกลุ่มนี้ รายงานการศึกษาพบว่าด้วยวิธีพฤติกรรมบำบัด (behavioural therapy) ที่ถูกต้องและยาวนานพอจะช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นอย่างมาก แม้ว่าส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะปฎิเสธการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ยกเว้นในรายที่มีผู้ดูแลให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดและอบอุ่น
ผู้ป่วยบางรายเป็นโรคของสมอง เช่น โรคสมองเสื่อม ติดสุรา ปัญญาอ่อน บางรายเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคจิตเภท โรคแมเนีย และบุคลิกภาพชนิดต่อต้านสังคม ดังนั้นในทางปฏิบัติจิตแพทย์จะพิจารณาวินิจฉัยแยกโรคก่อนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหรือปัญหาทางสมอง ปัญหาของระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการคล้ายคลึงกัน และที่สำคัญบางโรคสามารถให้การรักษาหรือบำบัดให้อาการหายขาดได้ ในประเทศไทยผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติทางเพศ ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ควรนึกถึงโรคซิฟิลิสขึ้นสมอง (neurosyphilis) ทุกราย เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้บ่อยและสามารถให้การวินิจฉัยรวมทั้งรักษาได้ไม่ยาก นัก
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-24-23/1284-2009-01-22-06-23-15
ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
จากการที่ในเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง
เพื่อนผู้ชาย :: ตอนแรกเพื่อนรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆดีก็เล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟัง แต่พอพูดไปเรื่อยๆ เพื่อนก็เริ่มที่จะพูดด้วยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแบบไม่อาย ก็กลายเป็นเรื่องสนุกสนานไป เพราะเพื่อนผู้ชายไม่ค่อยจะอายในเรื่องแบบี้เท่าไหร่
เพื่อนผู้หญิง :: จะรู้สึกรังเกียจและไม่ค่อยอยากฟังเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมาพูดแบบเปิดเผย แต่พอพูดให้เหตุผลไปเรื่อยๆ เพื่อนผู้หญิงก็พอจะรับได้ในบางส่วน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่รับไม่ได้อยู่ดี
สะท้อนคิด :: การพูดคุยเรื่องเพศในสังคมปัจจุบันต้องเปิดกว้างให้มากกว่านี้ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจในพฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งกับตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่น ควรที่จะได้รับความรู้แล้วความเข้าใจให้มากกว่านี้ รวมไปถึงการพูดคุยเรื่องเพศให้เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ
ไม่มีความเห็น