ขอบคุณข้อมูลจาก...
สวนวันเพ็ญ
ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
วิทยากรจังหวัดปราจีนบุรี
วันเพ็ญ สนลอย
โทรศัพท์ : 081-8034930, 037-405026
การขยายเชื้อจุลินทรีย์ พ.ด.1 ไว้ใช้ทำปุ๋ยหมัก
ขี้วัว 10 กิโลกรัม ผสมกับรำหยาบ 2 กิโลกรัม ใส่กระบะผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำ พ.ด. 1 ผสมกับน้ำ 10 ลิตร คนนาน 5 นาที แล้วนำไปผสมคลุกเคล้ากับส่วนผสมของวัสดุ โดยให้มีความชื้นประมาณ 60 % ตักใส่ถุงปิดปากไว้ ตั้งทิ้งไว้บนพื้นปูน ห้ามถูกแดดประมาณ 7 – 10 วัน จะได้เชื้อจุลินทรีย์เพิ่มขึ้น เป็นจำนวนมาก จากนั้นนำไปผึ่ง ให้แห้งในที่ร่ม จึงเก็บไว้สำหรับเป็นหัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมักต่อไป โดยใช้เชื้อที่ขยายได้จำนวน 2 ขีด ต่อการหมักวัสดุเศษพืช 1 ตัน
การขยายเชื้อจุลินทรีย์ พ.ด. 2, 5, 6
นำ พ.ด. 2 (1 ซอง) ผสมกับกากน้ำตาล 2 ลิตร และน้ำ 5 ลิตร ใส่ลงในถังพลาสติก ผสมให้เข้ากันแล้วปิดฝา หมักไว้นาน 7 – 10 วัน เชื้อจุลินทรีย์จะเจริญเติบโตเต็มที่ จากนั้นนำเชื้อจุลินทรีย์ที่ขยายได้ผสมกับรำหยาบ หรือปุ๋ยหมัก 5 กิโลกรัม เพื่อลดความชื้น ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม และเก็บไว้ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในถังเพื่อนำไปหมักสารอาหารพืชน้ำต่อไป โดยใช้เชื้อที่ขยายได้ 1 ขีด
ต่อการหมักปุ๋ยน้ำ 50 ลิตร
การขยายเชื้อ พ.ด. 3 เพื่อควบคุมโรครากเน่าโคนเน่าของพืช
ขี้วัว 5 กิโลกรัม ผสมกับรำละเอียด 2กิโลกรัม ใส่ในถุงพลาสติดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นละลาย พ.ด.3 (1 ซอง) ในน้ำ 5 ลิตร คนนาน 5 นาที แล้วนำไปผสมคลุกเคล้ากับส่วนผสมวัสดุให้ได้ความชื้น 60 % รัดปากถุงไว้ตั้งทิ้งไว้บนพื้นปูนไม่ให้ถูกแดดและฝนนาน 7 – 10 วัน จะได้หัวเชื้อจุลินทรีย์ควบคุมโรครากเน่าโคนเน่าของพืช จากนั้นนำไปผึ่งให้แห้งในที่ร่ม จึงเก็บใส่ถุงมัดปากใส่ถังพลาสติกเก็บไว้ใช้ โดยใช้เชื้อที่ขยายได้ 2 ขีด ต่อการขยายเชื้อในปุ๋ยหมัก 100 กิโลกรัม
การทำหัวเชื้อจุลินทรีย์
ส่วนผสม
1. น้ำต้มสุกปล่อยให้เย็น 10 ลิตร
2. กากน้ำตาล ½ กก.
3. รำละเอียด 2 กำมือ
4. หัวเชื้อ พ.ด. 2 1 ซอง
5. นมสด,ยาคูลย์หรือเปลือกสับปะรด 4 หัว
6. เหง้า+หน่อกล้วย 1 หน่อ
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างเทลงในถังหมักคนให้เข้ากัน เก็บไว้ในที่ร่ม หรืออุณหภูมิห้อง ประมาณ 7 – 15 วัน นำไปใช้ได้เลย
วิธีใช้
1. ต้นกล้าอ่อน 1:1000 ส่วน
2. ผัก ผลไม้ 1:500 ส่วน
3. นาข้าว 1:800 ส่วน
4. หมักฟาง 5 ลิตร ต่อ 1 ไร่
5. หมักปุ๋ยหมัก 2 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร
ความหมายของสารเร่ง พ.ด.1
เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถสูงในการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เพื่อผลิตปุ๋ยหมัก
ประกอบด้วย - เชื้อแบคทีเรีย 2 สายพันธุ์
- แอคติโนมัยซีส 2 สายพันธุ์
- รา 4 สายพันธุ์
ส่วนผสมในการทำปุ๋ยหมัก
1. เศษพืชแห้ง 1000 กก.
2. มูลสัตว์ 200 กก.
3. รำละเอียด 50 กก.
4. ยูเรีย 2 กก.
5. สารเร่ง พ.ด.1 1 ซอง (100 กรัม )
ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก
ความหมายของสารเร่ง พ.ด.2
เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายวัสดุการเกษตร
ประกอบด้วยจุลินทรีย์ 3 สายพันธุ์ ดังนี้
ส่วนผสมในการทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากผัก ผลไม้
1. ผักผลไม้ 45 กก.
2. กากน้ำตาล 15 กก.
3.น้ำมะพร้าว 10-20 ลิตร
4. สารเร่ง พ.ด. 2 1 ซอง ( 25 กรัม )
ปุ๋ยปลา หรือหอยเชอรี่ กุ้ง แมลง อย่างใดอย่างหนึ่ง
วิธีการผสมสารเร่ง พ.ด. 2
คุณสมบัติของปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
ประโยชน์ของปุ๋ยน้ำ
ความหมายของสารเร่ง พ.ด.3
เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ ที่มีความสามารถควบคุมเชื้อจากโรคพืชในดิน และสามารถป้องกัน หรือยับยั้งการเจริญหรือการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่าของพืช ( เชื้อไตโคเดอร์มา และบาซิลลัส ที่มีประโยชน์ ) จะเจริญได้ดีในดินที่มีอินทรียวัตถุสูง และมีความเป็นกรดเป็นด่างระหว่าง 5.5 – 6.5
ส่วนผสมในการขยายเชื้อสารเร่งพ.ด.3
วิธีทำ
สารเร่งพ.ด. 6
เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักเศษอาหารในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เพื่อผลิตสารบำบัดน้ำเสีย และขจัดกลิ่นเหม็น สำหรับทำความสะอาดคอกสัตว์บำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นตามท่อระบายน้ำ
วัสดุสำหรับผลิตสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น
อัตราการใช้
เจือจางสารบำบัดน้ำเสีย และขจัดกลิ่น 1:10
ประโยชน์ของสารเร่งพ.ด.6
สารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่ผลิตจากสารพ.ด.7
เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมัก และการย่อยสลายพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน
ประโยชน์ของสารเร่งพ.ด.7
ป้องกันแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยต่างๆ หนอนเจาะผลและลำต้น หนอนใยผัก หนอนชอนใบ หนอนคืบ หนอนกระทู้ หนอนกอ ไรแดง และแมลงหวี่
ชนิดพืชสมุนไพร
ตะไคร้หอม ไพล ขมิ้น ข่า หางไหล ฟ้าทะลายโจร หนอนตายอยาก สะเดา บอระเพ็ด เมล็ดน้อยหน่า ยาสูบ ขิง มะกรูด พริกแดง พริกแกงเผ็ด พริกไทย กระเทียม สาบเสือ
วิธีทำ พ.ด.7
นำวัสดุที่กล่าวมาข้างต้น มาอย่างละพอประมาณเท่าที่จะหาได้ มาสับหรือบดใส่หม้อต้มให้เดือดประมาณ 20-30 นาที กรองเอาแต่น้ำออกมา นำเอาสมุนไพรผงมาแช่อีก 1 ครั้ง เติมน้ำตาลทรายแดงและจุลินทรีย์ พ.ด. 7ลงไป หมักไว้ 1 เดือน
วิธีใช้
ใช้ 3 – 4 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร
1. สะเดา 1 กก.
2. บอระเพ็ด 3 กก.
3. ข่า 1 กก.
4. สาบเสือ 1 กก.
5. ยาสูบ 1 กก.
6. ตะไคร้หอม 1 กก.
7. ขมิ้น 1 กก.
8. ใบยอ 1 กก.
9. ฝักคูณ 1 กก.
10. พริกไทย 1 กก.
11. ใบยูคา 1 กก.
12. ใบ ลูกมะกรูด 1 กก.
13. พริกแกงเผ็ด 2 กก.
14. กระเทียม 1 กก.
15. น้ำสะเดา 50 ลิตร
16. น้ำตาลทราย 6 – 10 กก.
17. จุลินทรีย์ พ.ด.7 1 ซอง
วิธีใช้
ใช้ 3 – 4 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร
การทำซุปเปอร์ พ.ด.2 สูตรเร่งการเจริญเติบโต
วัสดุ
ผสมเสร็จเก็บไว้ใช้ได้เลย
วิธีใช้ 20-30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร 7-10 วัน ต่อครั้ง
การทำซุปเปอร์ พ.ด.2 สูตรเปิดตาดอก
วัสดุ
ผสมแล้วเก็บไว้ใช้ได้เลย
วิธีใช้ 20-30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ 7-10 วันครั้ง ถ้าอยากให้ออกทั้งปีให้ใช้ทุกครั้ง นาข้าวใช้ช่วงส่งรวง ( ห้ามฉีดพ่นช่วงข้าวตากเกสร )
การทำซุปเปอร์พ.ด.2 สูตร บำรุงผล
วัสดุ
วิธีใช้ 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร 7-10 วันต่อครั้ง
การทำซุปเปอร์ พ.ด.2 สูตรเร่งหวาน
วัสดุ
วิธีใช้ 30 ซีซีผสมน้ำ 20 ลิตร ถ้าเปลือกหนาใช้ 50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว 5-7 วันต่อครั้ง
ฮอร์โมนประยุกต์ซุปเปอร์พ.ด.2
วัสดุ
ผสมแล้วใส่ถังเก็บไว้ใช้ได้เลย
วิธีใช้ 10-20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 7-10 วันครั้ง
การเผาทำลายตอซังข้าว
ซึ่งมีผลทำให้ดิน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำเพิ่มมากขึ้น และทำให้ดินเป็นกรด พืชจึงไม่สามารถดูดซับธาตุอาหาร มาใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารอีกธาตุหนึ่ง ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยมีบทบาทต่อการสร้างราก การแตกกอ และการแตกแขนงของกิ่งก้าน ทำให้มีการสร้างดอก สร้างเมล็ดของพืชที่เพาะปลูก
ประโยชน์จากฟางข้าวที่หมักด้วยปุ๋ยน้ำพด 2
วิธีการหมัก
ฟางข้าวและตอซังด้วยปุ๋ยน้ำพด 2-3-5 ลิตร ต่อ 1ไร่ ฟางข้าว 1 ไร่ จะได้ฟาง 1 ตันเมื่อหมักแล้วจะได้ธาตุอาหารทั้งธาตุหลักและธาตุรองมีดังนี้
ไนโตรเจน 6 กก.
แคลเซียม 1.2 กก.
ฟอสฟอรัส 1.4 กก.
โปรแตสเซียม 17 กก.
แมกนีเซียม 1.3 กก.
ธาตุซิลิก้า 50 กก.
ซิลิก้า - สร้างความแข็งแกร่งของเซลล์พืชไม่ล้มง่าย ป้องกันแมลงมากัดกิน
วิตามินอี - ลดอาการเครียดของพืช กระตุ้นการเจริญเติบโต
วิตามินบี - ช่วยบำรุงราก สร้างรากใหม่
ความสำคัญของธาตุอาหารต่อพืช
ไนโตรเจน - บำรุงราก ดอก ผล สร้างยีน เยื่อบุ ผนังเซลล์และเอ็นไซน์สลายแป้งให้เป็นน้ำตาล นำ ธาตุอาหารทั้งปวงส่งไปเลียวส่วนต่าง ๆ ของพืช
ฟอสฟอรัส – ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและสร้างอินทรีย์ที่สำคัญในพืช ช่วยสะสมแป้งและน้ำตาล กระตุ้นการออกดอก ช่วยรดอาหารเผื่อใบ พัฒนาการในด้านการสุกเร็วขึ้น
โปรแตสเซียม - สร้างน้ำตาล แป้ง และโปรตีน สังเคราะห์แสงเคลื่อนย้ายน้ำตาลไปยังผล ช่วยขยายเซลล์เปิดปากใบ เร่งราก ดูดซับไนโตรเจน
แคลเซียม - บำรุงดอก ผลเมล็ด เสริมไนโตรเจนปรับสมดุลฮอร์โมน
แมกนีเซียม - สร้างอาหารและโปรตีน เคลื่อนย้ายฟอสฟอรัสจากส่วนที่อ่อน
กำมะถัน ซัลเฟอร์ - ช่วยการหายใจ ปรุงอาหารเพิ่งกลิ่นดอกผล
เหล็ก - บำรุงยอดอ่อน ช่วยการดูดซึมสารอาหาร สังเคราะห์แสง
ทองแดง – ช่วยให้อายุยืน เสริมการออกดอกผลลำเลียงส่วนต่างของ
หากเราอนุรักษ์ดิน และน้ำ ไว้ ไม่เผาตอซัง หรืออื่นๆ ที่ทำให้คุณภาพดินต่ำ เราก็จะได้ผลผลิตที่ดีได้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่เราอาจจะได้ใช้งานซักวันหนึ่งข้างหน้า ^^
เผากันเห็นๆ แบบนี้
ที่คลองหลวง จ.ปทุมธานี บังเอิญขับไปเจอ ก็เลยถ่ายภาพมาสอน เด็กนักศึกษา ^^