คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ขณะนี้การทำ KM ในห้องสมุด ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร ทำเพราะถูกบังคับ ไม่เช่นนั้นจะไม่ผ่านการประเมินคุณภาพตามเกณฑ์ สกอ. เกณฑ์ เดิมแค่มีแผน ทำตามแผนก็ได้แต้ม หากจะดูผลสัมฤทธิ์จริง ๆ ที่เป็นรูปธรรม คือต้องมีแนวปฏิบัติที่ดี จัดเก็บเป็นระบบ เผยแพร่ในลักษณะ explicit knowledge ดูจะน้อยเต็มที
ปีนี้ สกอ. ปรับเกณฑ์ใหม่ ทำให้เห็นระบบและกลไกหรือกระบวนการพัฒนาชัดเจนขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าแต่ละแห่งจะไปถึงข้อ 4-5 หากทำได้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก ปัจจุบันที่ห้องสมุดส่วนใหญ่ ทำ มักจะเป็นแค่ การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เท่านั้นเอง คงต้องมาตั้งหลักกันใหม่ว่า เราจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อ??? ร่วมด้วยช่วยกันคะ ที่ไหนพอจะมีแนวปฏิบัติที่ดีและประสบความสำเร็จบ้างคะ???
เกณฑ์ สกอ. ล่าสุดคะ มี keyword หลัก หลายตัวคะ
ผอ, ปู ค่ะ
น้องแนนแอบไปท่องเที่ยวของเพื่อน ๆ บ้านได้เห้นของมหาวิทยาลัยมหิดลมาค่ะ เค้าทำกันอย่างเป้นกระบวนการดีมาก ๆค่ะ เราจะทำอย่างไรให้ได้ครึ่งหนึ่งของเค้าต่อดีค่ะ ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ สู้ สู้....
เรียนรู้และเรียนลัดคะ ศึกษาและนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับเราคะ ไม่เรียนแบบทั้งหมด หากนำมาปรับปรุง ต่อยอดให้ดีกว่า นั่นคือ KM คะ ลองเอามาเล่าให้ทีมงานฟัง ใน morning talk ซึ่งเรามีแผนอยู่แล้วคะ
การที่จะนำความรู้ใดๆมาใช้นั้นต้องคำนึงถึงหลักที่ว่า จำเป็นไหม ครวจะมีไหมเราน่าจะคิดมาจากคำที่ว่า อะไรละที่เป็นปัญหากับเรา และเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ไอ้ปัญหานั้นแหละที่จะเป็นที่มาในการสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อแก้ปัญหา ในการดำเนินกิจการต่าง ๆได้ และวิธีการแก้ปัญานั้นแหละคือ องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น ไอ้องค์ความรู้ที่เกิดนี้แหละที่เราจะนำมาเรียบเรียงขั้นตอน ก่อน - หน้า -หลัง ในการแก้ปัญหาและมีวิธีที่จัดการอย่างไรเราสามารถนำมาเรียบเรียง ใหม่ อะไรก่อน และ อะไรหลัง ช่วงระยะเวลาใดที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญสามารถต่อยอดได้ องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต้อง มีประโยนช์ ประหยัด ประณีตปลอดภัยเสมอขอบคุณครับผม