บันทึกนี้ขอสะท้อนเรื่องราวของคนไทยกลุ่มหนึ่งที่กำลังออกมาเรียกร้องสิทธิพื้นฐานของตนเองในความเป็นคนไทย หรือยิ่งไปกว่านั้นคือการออกมาเรียกร้องสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ต่อสังคมและรัฐบาลไทย คนกลุ่มนี้คือกลุ่ม "คนไทยพลัดถิ่น" ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ใน มะริด ทวาย และตะนาวศรี เมื่อครั้งมีการทำสนธิสัญญาแบ่งแยกดินแดนเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ดินแดนจะตกเป็นของอังกฤษแต่คนไทยกลุ่มนี้ไม่ได้สูญเสียความเป็นคนไทยไปด้วย...
ผมเคยได้ยินเรื่องราวของคนไทยพลัดถิ่นครั้งแรกเมื่อครั้งไปฟังงานประชุมวิชาการ Thailand Reseach Expo 2010 เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้วครับ เมื่อมีผู้เข้าฟังการประชุมท่านหนึ่งลุกขึ้นแลกเปลี่ยนกับผู้นำเสนอ และได้กล่าวถึงเรื่องราวของคนไทยพลัดถิ่นกลุ่มนี้ หลังจากนั้นมีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งลุกขึ้นตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศไทยไม่มีคนไทยพลัดถิ่น ที่มีคนพลัดถิ่นก็แต่เฉพาะในต่างประเทศ และขอให้ท่านผู้นี้อธิบายว่าทำไมถึงใช้คำว่า "คนไทยพลัดถิ่น"...
ที่มา: ภาพจาก www.prachatham.com
เมื่อได้ยินคำอธิบายและเรื่องราวของคนไทยพลัดถิ่นกลุ่มนี้ทำให้นักวิชาการท่านนี้ รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมในห้องสัมนาห้องนั้นปรบมือให้กับผู้ให้ข้อมูลท่านนี้กันอย่างพร้อมเพรียงกัน นั่นย่อมแสดงว่าหลาย ๆ คนในห้องประชุมวันนั้นก็คงเพิ่งได้ยินเรื่องราวของคนไทยกลุ่มนี้เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน โดยคนไทยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดระนอง ประจวบคีรีขันธ์และพังงา...
ในวันนั้นสำหรับผมแล้วรู้สึกสนใจเรื่องราวของคนไทยกลุ่มนี้พอสมควร และเมื่อได้มาชมเรื่องราวการเดินเท้าของคนไทยกลุ่มนี้มาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มายังหน้ารัฐสภาก็ยิ่งมีความรู้สึกสนใจและเห็นใจพวกเขามากขึ้นครับ ที่ต้องเดินทางมาเพื่อผลักดันกฏหมายเกี่ยวกับคนไทยพลัดถิ่นให้เกิดขึ้นเสียที หลังจากได้มีการพยายามเรียกร้องมาเกือบสิบปี และต้องทนอยู่ในสภาพของคนไทยต่างด้าวที่มีสิทธิน้อยกว่าคนต่างด้าวที่มีสัญชาติอื่นในประเทศไทยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาล การประกอบอาชีพ รวมถึงการออกนอกพื้นที่...
ผมได้ยินคำกล่าวหลาย ๆ คำจากคนไทยกลุ่มนี้ที่สะท้อนถึงความอัดอั้นตันใจกับสภาพความเป็นอยู่ และการถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองในพื้นที่ที่มองพวกเขาว่าไม่ใช่คนไทย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็สืบเชื้อสายและเป็นลูกหลานของคนไทยโดยแท้ และยังเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต ทำให้รู้สึกสะท้อนถึงเรื่องของสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย ซึ่งเกิดขึ้นกับคนไทยที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยนะครับ...
จากเวทีสาธารณะในวันนี้ที่มีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมถกแถลงและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้กันอย่างเปิดใจและชัดเจน ยิ่งเห็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้รับปากในเวทีอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ รวมถึงระยะเวลาที่มีความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและใช้ได้จริงแล้ว ก็พอจะรู้สึกสบายใจแทนคนไทยกลุ่มนี้ได้ในระดับหนึ่งนะครับ แต่จะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะครับ...
สวัสดี ครับ คุณ direct
สิทธิมนุษยชน กฏหมาย ความเสมอภาค การกดขี่ข่มเหง....ล้วนแต่เราเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น
การมองค่าของเพื่อนมนุษย์ ที่มองเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่างหากที่สำคัญกว่าทุกสิ่ง
เพราะฉะนั้น หรือไม่เพราะฉะนั้น ก็ตาม บางครั้งเราต้องมองและวัดกันที่หัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ ด้วยกันบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย
...
มาเยี่ยมคุณ ด้วยความระลึกถึงเสมอ ครับ
การมองค่าของเพื่อนมนุษย์ ที่มองเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่างหากที่สำคัญกว่าทุกสิ่ง
เห็นด้วยเลยครับคุณแสง...
ระลึกถึงเช่นกันครับผม...
ขอบคุณมากครับ...
สองสามวันนี้ พี่ก็ได้ฟังข่าวและเรื่องราวของคนไทยพลัดถิ่นเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ค่อยทราบรายละเอียดมากเท่าไร เพิ่งเห็นและได้ยินชัดเจนก็วันนี้ค่ะ
ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่พวกเขาได้รับมาเป็นร้อยปี
ได้ฟังตอนที่คุณลุงคนแก่ให้สัมภาษณ์ถึงตอนที่ว่า กลับไปแล้วจะโดนกดดันอะไรอีกไม่รู้เพราะออกมานอกบริเวณที่ถูกจำกัด
พี่มีความรู้สึกว่าเขาคือเพื่อนมนุษย์ที่เป็นคนไทยเหมือนกับพวกเรา น้ำตารินเลยค่ะ
โล่งใจเมื่อเห็นรัฐมนตรีฯสาธิต วงศ์หนองเตยออกมาพูดรับรองค่ะ
แต่ก็มีบางตอนที่ทำให้ยิ้มๆ กับผู้ดำเนินรายการสาวสวยที่หัวเราะชอบใจกับการตอบคำถามของพวกที่มานั่งเรียกร้องสิทธิ์ฯ
ขอบคุณกับเรื่องราวที่ทำให้เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ
ไม่ได้ดูรายการวันนี้ แต่พอทราบข่าวบ้าง
คงเป็นความเจ็บช้ำใจ ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแม่ แต่ไม่มีสิทธิใดๆ
ต้องทนอยู่ในสภาพของคนไทยต่างด้าวที่มีสิทธิน้อยกว่าคนต่างด้าวที่มีสัญชาติอื่นในประเทศไทยด้วยซ้ำ
การต่อสู้เชิงสัญญลักษณ์เริ่มต้น แต่คงยังไม่สิ้นสุดจนกว่าคนไทยจะได้รับสิทธิในความเป็นคนไทยกลับคืน
เอาใจช่วยค่ะ
ครับ...พี่นก
หลายประโยคฟังแล้วสะเทือนใจนะครับ...
แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่นะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ...พี่กระติก
เป็นความจำเป็นที่พวกเขาต้องต่อสู้นะครับ...
เป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่พึงจะได้คืนมานะครับ...
ขอบคุณครับผม...
ขอบคุณมากๆๆครับบัง..
(ดอกหญ้า)
ยินดีครับเด๊ะ (ดอกหญ้า)...