การศึกษาใหม่ (ตีพิมพ์ใน Science) รายงานผลการศึกษานักเล่นเกมส์หมากกระดานญี่ปุ่น "โชจิ (Shoji) ซึ่งเป็นเกมส์หมากกระดาน (board games) ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายหมากรุกจีน (chess) ทั้งระดับมืออาชีพ (profession = มือโปร) และสมัครเล่น (amateur)
ทีมวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์สมองไรเก็น ญี่ปุ่น กล่าวว่า สมองของนักเล่นเกมส์มีสมรรถภาพ หรือความสามารถในการใช้สมองสูงกว่าประชากรทั่วไป
ข่าวดี คือ สมองที่ดีขึ้นน่าจะเป็นผลจากการฝึกฝน (training) หรือการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก (nurture) มากกว่าดีมาตั้งแต่เกิดตามธรรมชาติ (nature) หรือดีจากพันธุกรรม (DNA)
.
การฝึกเพื่อเป็นนักเล่นหมากรุกโชจิระดับอาชีพใช้การฝึก 3-4 ชั่วโมง/วัน, ฝึกนานประมาณ 10 ปี
.
ลักษณะสำคัญที่มืออาชีพเหนือกว่ามือสมัครเล่นอย่างหนึ่ง คือ การประมวลผลในการคิดเร็วมากแบบ "ฉับพลันทันที" คือ คิด "ดักทาง" ล่วงหน้าได้หลายๆ รูปแบบไปข้างหน้าถึง 4 ก้าว (moves) สำหรับการเดินหมากที่เป็นไปได้ทุกรูปแบบ ร่วมกับการเลือกทางเดินที่ดีที่สุดภายใน 2 วินาที
.
การศึกษานี้ทำโดยการตรวจสแกนสมองมืออาชีพ 30 คนจากสมาคมโชจิญี่ปุ่น เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่เป็นมือสมัครเล่น
.
สมองส่วนที่มืออาชีพต่างไปจากคนทั่วไป คือ สมองส่วนที่เรียกว่า "คอเดท นิวเคลียส (caudate nucleus)" จะทำงานได้เร็วมาก ต่างจากมือสมัครเล่นที่ใช้งานสมองส่วนนี้ไม่ได้ และไม่พบการทำงานในสมองส่วนนี้
.
และเมื่อให้มืออาชีพมีเวลาคิด "นานๆ หน่อย" คือ 8 วินาที จะไม่ใช้สมองส่วนนี้ (คอเดท นิวเคลียส)
.
คำ "คอเดท (caudate)" แปลว่า ส่วนหาง หรือส่วนแกนในของเมล็ดพืช, สมองส่วนคอเดท นิวเคลียส เป็นส่วนที่มีเซลล์สมองอยู่หนาแน่นมากกว่าเส้นใยสมอง หรือที่เรียกว่า เป็นสมองสีเทาส่วนลึก (basal ganglia)
.
เดิมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สมองส่วนนี้ใช้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างเดียว ต่อมาพบว่า ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ และความจำด้วย
.
เดิมเชื่อว่า สมองส่วนคอเดท นิวเคลียส ซึ่งอยู่ในสมองส่วนลึกทำงานได้ดีเฉพาะในสัตว์ชั้นต่ำ เช่น หนู ฯลฯ และไม่ค่อยทำงานในสัตว์ชั้นสูง เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฯลฯ
.
การศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกเริ่ม จำเป็นต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนหรือคัดค้านต่อไป ทว่า... บอกเป็นนัยว่า การเล่นเกมส์(พอประมาณ)เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการทำให้สมองของคนเราทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะทำให้การตัดสินใจที่ซับซ้อนเร็วขึ้นมาก... อย่างน้อยจาก 8 วินาทีเป็น 2 วินาที หรือเร็วขึ้นถึง 4 เท่า
.
การได้รับสารอาหารมากพอตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไขมันโอเมกาจากปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด (เช่น ปลากระป๋อง ฯลฯ), การป้องกันสารพิษ เช่น สารตะกั่วในหมึกพิมพ์-ในน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่ใช้หม้อเชื่อมตะกั่ว การไม่ดื่มหนัก การใส่หมวกกันน็อค-เข็มขัดนิรภัย (เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ), เมาไม่ขับ-ง่วงไม่ขับ (เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ) ฯลฯ มีส่วนช่วยให้สมองคนเราดีขึ้น และดีไปได้นาน
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ