คนไทยจำนวนมากก็ยังมีอคติกับชาวอินเดียเพราะเคยได้ยินเรื่องราวเก่าๆ เดิมๆในยุคที่
ชาวอินเดียสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยการแบกผ้าขายเงินผ่อน ปล่อยเงินกู้ ซึ่งหมดสมัยไปนาน
มากแล้ว ในยุคโลกาภิวัตน์ปี 2011 นี่อินเดียเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่เราก็ยังไม่เปลี่ยน
ทัศนคติ มีบริษัทของไทยบางบริษัทไปลงทุนหรือเปิดสำนักงานที่อินเดียแล้วไม่นานก็
พับฐานกลับบ้าน แต่ก็มีอีกหลายบริษัทที่ไปแล้วรุ่งมาก ขยายกิจการออกไปเรื่อยๆ
ประสบความสำเร็จ อย่างไร้คู่แข่งเพราะบริษัทไทยอื่นๆ มัวแต่กลัวคนอินเดียจึง
เสียโอกาสมาก ในทางกลับกันนักธุรกิจอินเดียไม่กลัวคนไทย ชอบคนไทยและประเทศ
ไทยต่างก็มาลงทุนเพิ่มขึ้น ประเทศเขาก็ได้ประโยชน์ แต่ประเทศเรากลับนิ่ง นโยบาย
look west ของรัฐบาลไทยจึงไม่สามารถจะขับเคลื่อนไปอย่างได้ผลมากนัก
ที่พับฐานไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการไปลงทุนในประเทศใดๆ ก็สามารถพับฐานได้ทั้ง
นั้น หากไม่มีเครือข่ายที่ดี ไม่รู้กฎ ระเบียบ กติกาของประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่นัก
ธุรกิจทราบดีอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังแต่หลายคนอาจมองข้ามคือการศึกษา
พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า การเตรียมตัวด้วยการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมของ
ประเทศที่เราจะไปลงทุน ประเด็นนี้อาจดูว่าเล็กน้อยหรือไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วเรื่อง
ภาษาและวัฒนธรรมเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในการทำความเข้าใจ และเป็นเครื่องมือใน
การเข้าถึงลูกค้า พูดง่ายๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ใจเพราะเราเข้าใจเขา สื่อสารกับเขาได้
บ้างโดยไม่ต้องผ่านล่าม หรือสื่อสารได้คล่องแคล่วซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของ
ท่านอย่างมากดิฉันเคยอบรมนักธุรกิจเพื่อจะไปลงทุนที่ประเทศเวียดนามซึ่งไม่ได้ใช้
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่หรือภาษาที่สอง นักธุรกิจไทยต้องลงทุนมานั่งเรียนภาษา
และวัฒนธรรมเวียดนามอยู่หลายเดือนเพื่อที่ตัวเองจะได้นำไปใช้สื่อสารกับลูกค้าชาว
เวียดนามได้เอง เราจะเห็นถึงความตั้งใจมุ่งมั่นของนักธุรกิจไทยบางคนที่ให้ความสำคัญ
กับเรื่องนี้ แต่คนแบบนี้ก็มีไม่มากในสังคมไทย
คนไทยไม่คุ้นชินกับหน้าตาของชาวอินเดียนักเพราะส่วนใหญ่หน้าเฉย ไม่ยิ้มสยาม
เหมือนคนไทย บางคนหนวดเคราเผ้าผมพะรุงพะรังซึ่งไม่ค่อยเห็นในบ้านเราเท่าไร บ้าน
เมืองหลายแห่งดูไม่สะอาดตา อย่าดูพียงรูปลักษณ์ภายนอกเลยเพราะนั่นไม่ได้บอกความ
เป็นคนดีหรือไม่ดี หากมองเชิงบวก นั่นคือความหลากหลายที่มีสีสันต่างหาก นั่นคือ
โอกาสทางธุรกิจมิใช่หรือ ทำอย่างไรเราจะเข้าใจชาวอินเดีย นี่คือโจทย์ใหญ่สำหรับนัก
ธุรกิจไทยที่มีความคิดจะขยายตลาดธุรกิจของท่าน หรือแม้กระทั่งผู้ที่จะเข้าไปติดต่อใน
เรื่องอื่นๆ ก็ตาม
อินเดียเป็นประเทศใหญ่ มีความหลากหลายสูงมาก สังคมวัฒนธรรมภาษาก็มีความ
ซับซ้อนมากกว่าที่เราเห็น หากไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ เรื่องที่คิดว่าง่ายจะกลายเป็นยากและ
อาจเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จได้ การที่นักธุรกิจรวมถึงคนไทยจำนวนหนึ่งกลัวคน
อินเดียจึงไม่กล้าไปลงทุนนั้นเพราะเราไม่รู้จักเขานั่นเอง เมื่อไม่รู้ ไม่อยากไปเห็นก็
จินตนาการเอง ฟังเขาเล่าว่า.... (อันตราย) สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นยังใช้
ได้อยู่ เราต้องตั้งต้นโดยลบอคติเดิมๆ ออกไปจากความคิดของเราก่อน และมองเห็น
ศักยภาพของคนและตลาดอินเดียว่านี่คือโอกาสของท่านและของประเทศไทยที่ท่านจะ
เข้าไปบุกเบิก ควรศึกษาหาความรู้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องให้ถ่องแท้ก่อนเข้าไป เมื่อเข้าไป
แล้วต้องอดทนไม่ว่าจะยากเพียงใดก็ตาม ดิฉันยังเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความ
สำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อไม่กลัวแล้วใจเรามุ่งมั่นเดินหน้าลูกเดียวความสำเร็จคงไม่ไกลเกิน
เอื้อมค่ะ
ตลาดอินเดียยังเป็นตลาดใหม่สำหรับนักธุรกิจไทย อย่ามัวรอช้าเพราะสินค้า
จีนมุ่งหน้าไปยึดครองพื้นที่มากมายในอินเดียแม้กระทั่งส่าหรี เราจะเริ่มต้นเมื่อ
ตลาดวายอย่างนั้นหรือ
---------------------------------------------
บอกกล่าว ข่าวแจ้ง
1.วันที่ 26 มกราคม 2554 เวลา 13.30 น. ขอเชิญฟังการบรรยายทางวิชาการเรือง “ เหลียวหลังแลหน้าภารตะศึกษา: จดหมายจากอินเดียพ.ศ. 2505-2508” โดยภิกษุณีธัมมนันทา (รศ. ดร. ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) ห้องประชุมณัฐ ภมรประวัติ ชั้น 1 สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา
2. หลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนา วิชาเอกอินเดียศึกษา เปิดรับสมัครรอบสอง ตั้งแต่วันที่ 1-26 กุมภาพันธ์ 2554 สนใจเข้าชม www.lc.mahidol.ac.th โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3101,3302 ซื้อใบสมัครได้ที่บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
อินเดียเป็นเมืองมหัศจรรย์ในความคิดของผม ไปมาสามครั้ง ชอบมาก
เรียน ครูหยุย
ขอบพระคุณค่ะ ใช่ค่ะ อินเดียเหลือเชื่ออย่างสโลแกนของเขาจริงๆ เพื่อนๆ ดิฉันก็มีความเห็นเหมือนครูหยุยว่าอินเดียนี่แปลก ไปแล้วอยากไปอีก ทั้งๆ ที่ไม่ได้สะดวกสบายอะไรนัก
จริงๆ แล้วชีวิตของคนเราต้องการความเรียบง่าย ชีวิตในเมืองใหญ่อาจทำให้เราวุ่นวาย พอเรามีโอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศที่ไม่มีในบ้านเราๆ จะรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ สนุกสนาน ในความแปลกของอินเดียยังมีอะไรให้ศึกษาอีกเยอะค่ะ