เมื่อวันที่ ๑๕-๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ ติ๋วและน้องนี (นักการแพทย์แผนไทย รพ.สต.เฉลิมฯบ้านเมืองใหม่)มีโอกาสไปร่วมทำโรงทานกับสมาชิกที่เข้ามาบำบัดการติดสิ่งเสพติดที่วัดป่าหนองไคร้ (ต้นกล้า l โรงทาน) ได้เห็นอะไร ๆ ที่รู้สึกทึ่ง จึงขอโอกาสหยิบมาเล่า
คนแรกที่ตั้งใจจะเล่าถึงคือ “เจ้เบี้ยว” ท่านเป็นคนที่ติ๋วเห็นช่วยงานในโรงทานอย่างแข็งขันตลอด ๒ วัน
เจ๊เบี้ยว ใส่เสื้อเเขนยาวสีดำ กำลังปลอกคะน้ากองโตค่ะ
เจ๊เบี้ยวกับน้องนี ช่วยกันกำจัดขนหมูออกจากหนังหมู เพื่อทำหมูกรอบ
งานที่ช่วยกัน ในโรงทาน ไม่มีการแบ่งแยก ใครเป็นใคร ที่น่าทึ่งคือ ใครทำอะไรได้ ก็อาสาไม่อิดออด จะเห็นเจ๊เบี้ยว อยู่ทุกจุดที่มีงาน สัมผัสได้ถึงการทำงานอย่างสบาย ๆ เรื่อย ๆ ไม่เร่งร้อนงานเยอะ ๆ กลับกลายเป็นเพลิดเพลินกับงาน สามสี่คนที่ขลุกกับการหั่นผัก เราใช้เสียงเท่าที่จำเป็น ไม่ใช่ไม่คุยไม่สื่อสาร แต่ติ๋วเชื่อว่า “ทุกคนใช้ใจ ใช้ความตั้งใจ” หลายคนอาจจะคุ้นชินการทำงานที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนานหรือ อึกกะทึก คึกโครม หรือไม่ก็ตะโกนแข่งเครื่องเสียง แต่ครานี้ เงียบแฮะ มีเสียงบ้าง แบบพอประมาณ (ไม่รู้ว่า เป็นความรู้สึกของคนเขียนเองรึเปล่าค่ะ) ความน่ารักของเจ๊เบี้ยว โดนใจ “งานก็เยอะ ยังมีน้ำใจ หยิบจับของช่วยคนอื่น ๆ แถมยังช่วยไปขอน้ำอุ่นจากโรงทานน้ำมาให้ติ๋วด้วย” (ท่าทางจะโดนใจก็ตรงนี้แหละค่ะ) น้ำใจของท่านตลอดสองวันสะท้อนถึง “ความงามในใจของท่านชัดเจน”
จากการพูดคุยสื่อสาร ท่านก็จะเล่าถึงการทำโรงทานแถว ๆบ้านท่านว่า “ทำยังไงบ้าง” เวลาที่ท่านเล่าถึงเรื่องทำโรงทาน เหมือนท่านมีความสุขปรากฏขึ้น ไม่ว่าใครที่แวะเวียนมาโรงทานนี้ หรือ โรงทานข้าง ๆ ท่านก็เอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า “อนุโมทนาสาธุ อึดมากเลย ทำงานแบบเหมือนไม่รู้จักความเหนื่อย” เพราะติ๋วเห็นท่านทำงานมาทั้งวัน แต่พอถึงเวลาเก็บงานท่านก็มาช่วยเหลือคนอื่น ๆ เช่นกัน ประทับใจแบบต้องให้ฉายาเลยค่ะว่า “เจ๊เบี้ยวจอมอึด” อนุโมทนาสาธุในกุศลที่ท่านตั้งใจนะคะ
เจ๊เบี้ยว...อายุมากแล้ว ๕๓ ปี แต่พลาดพลั้งในชีวิตด้วยการไปติดกับดักของความหลงผิดอันเป็นมุมมองชีวิตที่มองว่า การเสพยาฯ เป็นเรื่องปกติ ซึ่งนี่เป็นความจริงที่โลกไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แท้ที่จริงแล้วคนที่ใช้ยาเสพติดนั้นเขาต่างมองว่านี่เป็นความปกติของเขา ดังนั้นหน้าที่ของการนำพาช่วยเหลือเขาเราต้องช่วยเขาเปลี่ยน...
"มิจฉาทิฐิ (มุมมองผิดๆ ต่อชีวิต)ให้เป็นสัมมาทิฐิ(มุมมองที่ถูกต้องต่อชีวิต)"
เจ้เบี้ยว...เกิดมาก็พบกับสภาวะแห่งความเบี่ยงเบนทางเพศ แต่นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุที่มา เหตุเก่าที่หนุนนำมาเจ๊เบี้ยวทำไว้ไม่ดี เกิดมาจึงมีวิถีชีวิตเช่นนี้ และเมื่อเราได้มารู้จักมาเจอเขาแล้ว ก็ยากที่จะวางเฉยและเดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจในทุกข์ของเขา...ไม่ได้เลย ... ใจนี้จึงต้องช่วย เพราะนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้สร้างเหตุปัจจัยใหม่... อันเป็นปัจจัยที่จะส่งผลที่ดีต่อเขา...แม้เขาจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่เพียงเรารู้เราก็ลงมือพาเขาก้าวเดินไป ...
อนุโมทนาบุญด้วยคนนะครับ
ดีใจด้วยที่คุณใบไม้ร้องเพลงได้ทำบุญกับท่านอาจารย์กะปุ๋ม เจ๊เบี้ยว และทุก ๆ คน
เป็นโอกาสที่มีคุณค่าและแสนงดงามที่สุดครับ
-----
ผมเช่นกันครับ การที่เรารู้จักใครสักคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
บางครั้งผมก็ให้ใจไปแล้วทั้งที่ไม่รู้จักที่มาหรือตัวตนของเขาคนนั้น
และหลายครั้งที่ผมก็ไม่ได้ให้ใจไปทั้งที่รู้จักกันอย่างดี
อดคิดไม่ได้ว่า ฟ้าคงจะกำหนดให้ใครคนหนึ่งในมาเจอกัน
-----
ดีใจที่ได้รู้จักคุณใบไม้ร้องเพลง และท่านอาจารย์กะปุ๋มครับ
เพราะท่านทั้งสอง อาจรู้จักผมในโกทูโนเท่านั้น
ยังกล้าที่จะมอบบทความที่มีค่าของท่าน ในผมไปทำวารสารครับ
รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าที่จะซื้อขายกันเสียอีก
หวังว่า ครั้งต่อไปคงได้ความกรุณาจากคณใบไม้ร้องเพลงอีกนะครับ
-----
ขอบคุณมากครับ....