แกงเลียง


วิจัยพบประโยชน์ "แกงเลียง" มีผลยับยั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดย ศิริพร โกสุมภ์


รูปภาพ www.google.com
วิจัยพบประโยชน์ "แกงเลียง" มีผลยับยั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่


โดย ศิริพร โกสุมภ์

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra02010451&day=2008-04-01&sectionid=0131


ภาพจาก www.pantown.com

อาหารไทยกำลังโด่งดังไปทั่วโลก ยิ่งมีโครงการ "ครัวไทยสู่ครัวโลก" แม้จะตกยุคไปบ้างแต่ความเชื่อมโยงของโครงการยังมีอยู่ ทำให้อาหารไทยก้าวสู่ระดับอินเตอร์อย่างรวดเร็วไม่แพ้อาหารจีนและญี่ปุ่น

มาคราวนี้พระเอกของเรื่องคือ "แกงเลียง" แกงผักรวมสารพัดของคนภาคกลาง ตั้งแต่ฟักทอง ใบแมงลัก บวบ ข้าวโพด เห็ด ฯลฯ ใส่เครื่องแกงออกรสชาติเผ็ดพริกไทย กำลังมาแรง

เพราะ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยคณะผู้วิจัย ประกอบด้วย สุลัดดา พงษ์อุทธา, สมศรี เจริญเกียรติกุล, จุรีพร จิตจำรูญโชคชัย, วรรณี อังคศิริสรรพ, ดิลก บูตะเดช ร่วมกันศึกษาวิจัยพบว่า แกงเลียงมีผลต่อการสร้างเอ็นไซม์ NAD(P)H : quinone reductase ในตับ และยับยั้งการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนูแรทสายพันธุ์วิสตาร์

ทั้งนี้ รายละเอียดของการวิจัย คณะผู้วิจัยอธิบายตั้งแต่แรกเริ่มว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคหนึ่งที่พบได้มากในประชากรโลก และมีแนวโน้มเป็นมากขึ้นในประชากรไทย


ภาพจาก www.lks.ac.th


สาเหตุหลักมาจากรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนไป จากหลักฐานการวิจัยพบว่าการบริโภคอาหารที่มีผัก ผลไม้ อยู่มากช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

ดังนั้น การบริโภคแกงเลียง ซึ่งเป็นอาหารไทยที่มีส่วนประกอบหลักเป็นพืชผัก สมุนไพร และเครื่องเทศ ให้พลังงานต่ำ มีสารอาหารและสารสำคัญต่างๆ จากพืช เช่น แคโรทีน และใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก

"จึงทำการศึกษาผลของการกินแกงเลียงดังกล่าวในปริมาณ 1 และ 2 หน่วยบริโภคต่อวัน (เทียบเท่ากับผงแห้งของแกงเลียงปริมาณ 0.032 g และ 0.064 g ต่อน้ำหนักตัวหนู 100 g ตามลำดับ) ในหนูแรทสายพันธุ์วิสตาร์ โดยการละลายผงแกงเลียงในน้ำกลั่น และป้อนให้หนูกินป็นเวลา 6 สัปดาห์ แล้วฉีดสารก่อมะเร็งเข้าทางหน้าท้องหนู ทั้งหมด 2 ครั้ง ในสัปดาห์ที่ 3 และ 4

"ซึ่งผลการศึกษาพบว่าการได้รับแกงเลียง 2 หน่วยบริโภคต่อการทำงานของเอ็นไซม์ NAD(P)H : quinone reductase (QR) ในตับหนูนั้น แกงเลียงมีผลต่อการสร้างเอ็นไซม์ NAD(P)H : quinone reductase ในตับ และการยับยั้งการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนูดังกล่าว"

การทดลองในหนู ได้แบ่งหนูออกเป็นกลุ่มๆ 5 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุมปกติที่ได้รับ NSS และไม่ได้รับแกงเลียง กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มควบคุมที่ได้รับสารก่อมะเร็งและไม่ได้รับแกงเลียง กลุ่มที่ 3 ได้รับสารก่อมะเร็ง และแกงเลียง 1 หน่วยบริโภค

ส่วนกลุ่มที่ 4 ได้รับสารก่อมะเร็งและแกงเลียง 2 หน่วยบริโภค และกลุ่มที่ 5 ได้รับ NSS และแกงเลียง 2 หน่วยบริโภค

"เมื่อสิ้นสุดการให้อาหาร เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อวิเคราะห์หาสารอาหารและสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเก็บเนื้อเยื่อตับและลำไส้เพื่อวัดการทำงานของเอ็นไซม์ QR และการเกิด ACF พบว่าหนูกลุ่มที่ได้รับแกงเลียง 2 หน่วยบริโภค มีระดับเรตินอลในน้ำเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการตรวจระดับการทำงานของเอ็นไซม์ QR พบว่าหนูกลุ่มที่ 5 ซึ่งได้รับแกงเลียงเป็น 2 หน่วยบริโภค มีระดับการทำงานของเอ็นไซม์ QR ในตับสูงกว่ากลุ่มควบคุมปกติ (กลุ่ม 1) ประมาณ 2.7 เท่า

"ผลการศึกษาสรุปได้ว่า แกงเลียงสามารถเหนี่ยวนำการทำงานของเอ็นไซม์ QR ในตับ และลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ของหนูทดลองได้ จึงอาจมีศักยภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่..."

แม้การทดลองนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลองในห้องแล็บ แต่ผลที่ได้เป็นการจุดประกายความหวังให้กับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้อยู่ไม่น้อย

เพราะทุกวันนี้โรคมะเร็งยังเป็นโรคน่ากลัวร้ายกาจสำหรับมนุษย์ ยังหายารักษาให้หายขาดไม่ได้ หนำซ้ำคนที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในปัจจุบันก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที

หาก "แกงเลียง" มีคุณสมบัติตามที่ได้วิจัยศึกษา แล้วมีการนำมาพัฒนาต่อยอด อาหารไทยคงได้ชื่อเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

หมายเลขบันทึก: 420677เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2011 14:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • สุขสันต์วันครูค่ะ
  • นำเมี่ยงไก่ใบคะน้าและแกงเลียงจากสวน ✿อุ้มบุญ✿ มาฝากค่ะ

ชอบทาน "แกงเลียง" มากค่ะ ทำทานเองบ่อย

ขอบพระคุณที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะคะ

ขอบคุณค่ะคุณครูที่ติดตามชมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท