นักปรัชญาชาวตะวันตก ปรัชญายุคกลาง |
|
---|---|
ภาพเขียนโทมัส อควีนาสจาก The Demidoff Altarpiece โดย Carlo Crivelli
|
|
ชื่อ: | โทมัส อควีนาส |
เกิด: | ประมาณ พ.ศ. 1225 ใน อิตาลี) |
เสียชีวิต: | 7 มีนาคม, พ.ศ. 1274 ใน อิตาลี) |
สำนัก/ลัทธิ: | Scholasticism, Founder of Thomism |
ความสนใจ: | อภิปรัขญา (incl. Theology) , ตรรกศาสตร์, จิตใจ, ญาณวิทยา, จริยศาสตร์, ปัชญาการเมือง |
แนวความคิด: | Five Proofs for God's Existence, Principle of double effect |
ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก: | อริสโตเติล, Boethius, Eriugena, Anselm, Averroes, Maimonides, St. Augustine |
มีอิทธิพลทางความคิดกับ: | Giles of Rome, Godfrey of Fontaines, Jacques Maritain, G. E. M. Anscombe, จอห์น ล็อก, Dante |
เซนต์โทมัส อควีนาส (อังกฤษ: St. Thomas Aquinas, พ.ศ. 1225-1274) เป็นเชื้อสายบุตรขุนนางชาวอิตาลีโดยกำเนิด แต่ได้ตัดสินใจเลือกดำเนินชีวิตเป็นผู้สอนในคณะโดมินิกัน เป็นผู้ที่สนใจศึกษาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง อควีนาสได้พัฒนาแนวความคิดของเขาโดยได้รับอิทธิพลจากอริสโตเติล ในขณะที่นักคิดคนอื่นมีความเห็นตรงกันข้าม อควีนาสได้ดำเนินการศึกษา สรุปผลที่เป็นแบบตรรกวิทยาที่สมบูรณ์ โดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้ง ตามแนวความคิดของอควีนาส ระเบียบวิธีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่ออควีนาสเริ่มหันมาสนใจศึกษาค้นคว้าแนวความคิดของอริสโตเติล และได้มีอิทธิพลตลอดชีวิตการทำงานของอควีนาส
จุดมุ่งหมายอีกประการหนึ่งของอควีนาสคือ การผสมผสานเทววิทยาทางศาสนาให้เข้ากับตรรกวิทยาของอริสโตเติล ในที่สุดแนวความคิดของอริสโตเติลก็กลับมามีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นักคิดชาวตะวันตกก็เริ่มหันมาศึกษางานของอริสโตเติลกันมากขึ้น มีผู้กล่าวว่า อริสโตเติลเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ พระเจ้าพึงพอใจยอมอนุญาตให้เป็นผู้สรุปความรู้ทุกสาขาวิชา เท่ากับยอมรับว่าอริสโตเติลเป็นเหมือนคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักบวชของศาสนา เป็นตัวบทกฎหมาย และเป็นนักวินัยทางศาสนา เปรียบเสมือนเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดความสัมพันธ์ของมนุษย์ กำหนดความรู้ทุกสาขาวิชา
งานเขียนของอควีนาส ในระยะนี้พยายามอธิบายสังคมที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนา และพระผู้เป็นเจ้า อควีนาสพยายามกำหนดความสำคัญและหน้าที่ใหม่ของศาสนาที่มีต่อสังคม โดยให้ศาสนายังคงมีอำนาจทางธรรมตามคำสอนของศาสนา อควีนาสก็เหมือนกับนักปราชญ์คนอื่น คือมีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมมีจุดมุ่งหมายเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีความสามารถกำหนดควบคุมการกระทำของตนเองได้ด้วยสติปัญญา มนุษย์จะตกอยู่ในอันตราย ถ้าไม่ยอมรับระบบสังคม อควีนาสจึงเน้นเอกภาพในสังคมมนุษย์ที่มีพลังอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกภาพทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้สังคมมีเอกภาพอย่างสันติไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
วิธีการดังกล่าวเปรียบเสมือนมนุษย์ได้รับการอบรมทางจิต จิตที่อบรมแล้ว จะสั่งการให้ร่างกายกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามหน้าที่ในสังคม ดังนั้น การปกครองโดยรัฐบาลที่มีผู้นำเพียงคนเดียวจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด กษัตริย์อันเป็นราชาแห่งปราชญ์คนเดียวจะปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม โครงสร้างทางสังคมก็เหมือนกับธรรมชาติที่พระเจ้าปกครอง คนในสังคมจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ถ้าสัมคมมีเอกภาพโดยมีผู้นำเพียงคนเดียว
อควีนาส ศึกษาปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลกำหนดเอกภาพของสังคมและทำให้เกิดการพัฒนาการของมนุษย์ พระเจ้าและธรรมชาติมีความสำคัญเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สิ่งเหล่านี้รวมตัวกันด้วยกฎ 4 ประการคือ
กฎทั้งสี่มีความสัมพันธ์กันเหมือนกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การกระทำของมนุษย์จะถูกควบคุมจากจิตหรือสติปัญญา และวิญญาณหรือความสำนึกทางศีลธรรม ต้องมีการตรวจสอบความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ และการต่อต้านของมนุษย์ในสังคม ประการสุดท้ายผู้ที่มีหน้าที่ตราตัวบทกฎหมายต้องประยุกต์กฎหมายทุกชนิดให้สมาชิกในสังคมทุกคนได้รับประโยชน์สูงสุด มีผู้สรุปความคิดของอควีนาสไว้ว่าในหนังสือ "Summa Theologica" ที่เขียนราวปี พ.ศ. 1739 พูดถึงลัทธิกฎธรรมชาติของนักปรัชญากลุ่มลัทธิสโตอิก (ถือหลักธรรมเพื่อกำจัดตัณหา) นำไปผสมกับการสอนใน ศาสนาคริสต์ว่าด้วยกฎของพระเจ้า รวมทั้งรับแนวความคิดของอริสโตเติลเกี่ยวกับบรรทัดฐานหรือกฎของมนุษย์ และจุดกำเนิดของหลักกฎหมายโรมันด้วย ทำให้มนุษย์มีความสามารถและมีสติปัญญาอย่างสูงสุด ประการสุดท้ายก็คือ ทำให้เกิดระบบลัทธิรัฐธรรมนูญ
อควีนาส เป็นนักปราชญ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดคนหนึ่ง พยายามประสานหลักเหตุผลที่มีอยู่ในธรรมชาติเข้ากับความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า โดยแสดงออกมาในรูปของอำนาจเหนือธรรมชาติที่แท้จริง ปรัชญาเป็นผลิตผลของเทววิทยาและเหตุผลเป็นรากฐานของความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
อควีนาส มีชีวิตอยู่ระหว่างก่อนสมัยสุโขทัยเล็กน้อย และเสียชีวิตในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เมื่ออายุได้เพียง 49 ปี
ไม่มีความเห็น