ประวัติความเป็นมาของตำบลโพสาวหาญ
เมื่อปี พ.ศ. 2309 ขณะที่พม่าได้ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งค่ายอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น กองทัพไทยที่ส่งกำลังออกไปสู้รบก็แพ้กลับมาทุกครั้ง ทหารนับวันแต่จะอ่อนแอและเสียขวัญ ตกอยู่ในภาวะคับขัน
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาเฝ้า ณ กรุงศรีอยุธยา และให้ปกครองเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่พม่ายกกองทัพ เข้าล้อมกรุงฯ ไว้แล้ว จึงโปรดเกล้าให้อยู่ช่วยรบ พระองค์ทรงเห็นว่ากรุงศรีฯ ต้องเสียแก่พม่าแน่แท้ การทนอยู่สู้รบต่อไปก็คงจะต้องตาย พระองค์จึงตัดสินใจหนีจากกรุงศรีอยุธยา และทรงลั่นวาจาว่า “ข้าจะกลับมาอีกถ้าข้าไม่ตายเสียก่อน” ดังนั้น พระองค์พร้อมด้วยทหารคู่พระทัยอีก 4 ท่าน และพร้อมด้วยทหารอีกประมาณ 500 คน ได้ตีฝ่าวงล้อมออกไปทางทิศตะวันออก พม่ายกกำลังติดตามทันที่บ้านโพธิ์สังหารพระองค์พร้อมด้วยทหารหนีพลางสู้พลางจนพม่าแตกพ่ายไป แล้วมุ่งหน้าต่อไปจนค่ำที่บ้านพรานนกจึงเข้าพักแรม
รุ่งขึ้นพม่ายกกำลังติดตามมาอีก พระองค์พร้อมด้วยทหารคู่ใจได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ขึ้นมาออกต่อสู้ อย่างจู่โจมฉับพลันทันใดต่อทหารพม่า ได้ชัยชนะอย่างงดงาม ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ยังมิได้เลือนรางไปจากความทรงจำจากชาวบ้านพรานนก ตำบลโพธิ์สังหาร ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นตำบลโพสาวหาญ
ปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนตำบลโพสาวหาญ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ตำบลโพสาวหาญ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีจำนวนหมู่บ้านทั้งสิ้น จำนวน 8 หมู่บ้าน
สถานที่สำคัญในตำบลโพสาวหาญ
อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
อีกมุมหนึ่งของอนุสรณ์สถาน ซึ่งเกิดจากความร่วมใจของทหารม้าค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรีร่วมกับชาวบ้านพรานนกดำเนินการก่อสร้าง
ท่านวิทยา ผิวผ่อง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธานในพิธี
การถวายความเคารพอนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ไม่มีความเห็น