6-1-54
ปีใหม่ปีนี้ดิฉันและคุณชัยณรงค์ไปหัดดูกายใจเพื่อฝึกสติที่สวนสันติรรมค่ะ
เราเดินทางไปวันที่31ธันวา กลับวันที่3 มค54 ค่ะ
ไปครั้งนี้เจอหมอณัฐ คนที่รู้จักอื่นๆก็มีน้องๆจาก กฟผ. คุณหมอสุวิภาซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและลูกชาย ส่วนคนที่รู้จักและคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ก็หลายคนค่ะ
ดิฉันต้องส่งการบ้านทำให้เครียดเพราะส่งแล้วไม่ค่อยถูกใจเรา คงมีมานะเยอะค่ะ
หลวงพ่อให้คอยสังเกตุ หลงบ่อยๆ ครั้งนี้ดิฉันเดินจงกรมสบายกว่าเดิมเพราะทำใจให้สบายและเดินเหมือนเดินเล่น ท่องพุทธโธคอยสังเกตุกายใจไปอย่างสบายๆ
หลวงพ่อสอนให้ถือศีล รู้กายใจสบายๆ ทำจิตให้ตั้งมั่นไม่หลงรู้ หลงเพ่งไม่เอาใจไปแช่กับอารมณ์เพื่อให้เกิดสัมมาสมาธิ เมื่อมีสัมมาสมาธิก็จะเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามของกายใจของเรา
ดิฉันอ่านหนังสือทางเอกเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นและนำไปลองทำดู ไม่แน่ใจว่าทำถูก แต่ก็ทดลองไปเรื่อยๆโดยดูความสบายของจิตเป็นเครื่องชี้วัดค่ะ
ไปครั้งนี้ได้คุยกับหมอสุวิภา ศาตมานถึงการเสียดายโอกาสของวันเวลาที่ผ่านไปที่เรารู้จักการดูกายใจช้าไปหน่อย คุณหมอมีลูกชายที่ปฏิบัติได้ดีค่ะ
วันกลับบ้านดีใจมากที่เจอ คุณแม่ครูบาแบงค์เพราะทราบว่าเป็นพยาบาลที่รพ.ศรีธัญญา พอเจอตัวจริงเราต่างคนต่างดีใจเพราะเรารู้จักกันมาก่อนและได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาหลายปี ระหว่างทานอาหารเช้าก่อนกลับบ้านก็เลยมาถามข่าวคราวเกี่ยวกับลูกชายเราทั้ง2คนที่มาบวชเป็นพระที่นี่โดยไม่รู้ว่าแม่เป็นคนรู้จักกัน คุณนิตยาเล่าว่าครูบาแบงค์เรียนจบก็บวชก่อนจะทำงานที่ปูนซิเมนต์ไทย หลังบวชแล้วก็ศรัทธาเลยบวชต่อค่ะ ดิฉันเจอคุณพ่อและพี่ชายครูบาแบงค์ซึ่งมาทำบุญทั้งครอบครัวและคุณนิตยาอยู่วัดต่ออีก5วันค่ะ
ช่วงกลางคืนหลังเดินจงกรมมีโอกาสคุยกับครูบาป๋องก็เลยถามเรื่องการบวชต่อ ท่านบอกว่าอยากศึกษาตัวเองต่อ พ่อแม่ก็ยังแข็งแรงดี ออกไปทำงานก็ทำให้คนอื่น ตัวเองยังไม่เก่งอะไร ถ้าอีก10ปีสึกออกไปก็ยังสามารถทำงานได้อีก5อย่างเช่น สอนคณิตศาสตร์กับเพื่อนที่เปิดโรงเรียนกวดวิชา ดิฉันก็ตามใจครูบาค่ะ
มาครั้งนี้สวนสันติธรรมได้รับอนุมัติให้เปิดเป็นวัดทำให้มีคนเข้ามาวัดได้ทั้งวัน มีบางคนตั้งใจมาหาหลวงพ่อแต่มาช่วงบ่าย ดิฉันต้องแนะนำเพื่อไม่ให้ผิดหวังโดยแนะนำและแจกหนังสือของวัดให้ค่ะ
ปี54ดิฉันตั้งใจจะฝึกสติให้ดีขึ้นค่ะ เอาบุญมาฝากผู้อ่านทุกท่านนะคะ
สิ่งที่เขียนเป็นเรื่องเล่าที่ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ก็อยากให้ผู้อ่านทดลองทำดูเผื่อจะไม่เสียโอกาสในชาตินี้ค่ะ