หน้าแรก
สมาชิก
บุษยมาศ
สมุด
เรื่องเล่าของ "บุ...
15. "การบวชพระ" ...
บุษยมาศ
บุษยมาศ แสงเงิน
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
15. "การบวชพระ" ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์
15. "การบวชพระ" ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์
"การบวชพระ" ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์
นับจากที่พ่อบ้านได้เกษียณอายุราชการ ณ 1 ตุลาคม 2553 ชีวิตก็สุขสงบตามวิถีชีวิตของคนที่เกษียณอายุราชการ ปลอดโปร่งโล่งใจ เป็นนายของตัวเอง ไม่มีใครมาเป็นเจ้านายคอยบงการชีวิต แต่ในช่วงนี้ ความที่พ่อบ้านเป็นนักวางแผนชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว ได้จัดการเรื่องครอบครัว ภาระด้านค่าใช้จ่าย ภาระทางด้านการศึกษาของลูก ๆ เรียบร้อย ก็มาปรารภกับผู้เขียนว่า
“ตนเองอยากจะขอบวชพระ”
ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ฟังก็งงมาก เลยถามไปว่า
“ไม่มีความสบายใจอะไร ถึงจะไปบวชเป็นพระ”
พ่อบ้าน บอกว่า
“ไม่ใช่ไม่สบายใจ แต่เพราะว่า สบายใจต่างหาก จึงจะขอไปบวช” เพราะชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่ห่วงอะไรแล้ว สำหรับตัวผู้เขียนเองก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ส่วน “ภัคร” เจ้าตัวโต ก็เรียนต่อปริญญาโทแล้ว เหลือเพียง “น้องเพรียง” เจ้าตัวเล็ก ที่ยังเป็นห่วงอยู่คนเดียว...
ครอบครัวเรามีหนี้สินก็น้อยลงแล้ว พอผู้เขียนเกษียณลง หนี้สินในการสร้างฐานะก็จะหมดลง เหลือแต่ช่วงเวลาที่เหลืออีก 12 ปีนี้ ก็พยายามเก็บหอมรอบริบไว้เป็นทุนเพื่อกินในยามแก่เฒ่าเท่านั้นเอง…
การที่มนุษย์เรา เมื่อมีภรรยาแล้ว และต้องการที่จะบวชพระ ในทางปฏิบัติฝ่ายสามีต้องมาขออนุญาตจากภรรยาเพื่อไปบวชได้ เนื่องจากในทางพระพุทธศาสนาจะไม่อนุญาตให้บวชเป็นพระได้...ถ้าภรรยาไม่อนุญาตให้ทางสามีไปบวช ผู้เขียนจึงถามว่า
“บวชกี่วัน”
พ่อบ้านได้บอกว่า
“ครั้งแรกจะบวช 7 วัน” แต่ก็มีผู้ใหญ่ทักว่า “บวช 7 วัน ไม่ดี ให้เลยไปสัก 11 หรือ 15 วัน ก็ได้”
เพราะประเพณีในแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคนว่ากี่วันดีหรือกี่วันไม่ได้ แต่ในความคิดของผู้เขียนคิดว่า
“จะบวชกี่วันก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา ขึ้นอยู่กับความพร้อม ความสมัครใจของผู้ที่จะบวชพระมากกว่าต้องการบวชอยู่กับพระพุทธศาสนานานเท่าไร ถ้าตนเองพอใจ และจะได้ผลบุญมากกว่าการมากำหนดกฎเกณฑ์ อีกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาด้วยว่านำมากำหนดหรือไม่ มีภาระหน้าที่ที่จะทำอะไรอีกหรือไม่”...
ผู้เขียนได้แซวพ่อบ้านว่า “ถ้าไม่อนุญาตให้บวช แสดงว่าผู้เขียนจะเป็น
“นางมารวิกา” ใช่หรือไม่?”
พ่อบ้านนั่งยิ้ม...เพราะรู้ใจว่าแซวเล่น...และผลสุดท้ายผู้เขียนก็ได้เอ่ยปากบอกว่า
“ตามใจ” ถ้าใจคิดอยากทำ ก็ทำไป ไม่ห้ามหรอก ทำแล้วสบายใจ”
พ่อบ้านบอกว่า
“เมื่อ 40 ปี ที่แล้ว เคยบวชพระครั้งหนึ่งแล้ว แต่ขออนุญาตทางราชการไปบวชได้เพียง 7 วัน เพราะต้องรีบสึกเพื่อกลับมาทำงาน (งานราชการสมัยก่อนต้องทำงานหนักเพราะมีคนทำงานน้อย) ยังบวชไม่ทันไร เรียกว่า ไม่รู้รสของพระธรรมเลย”
ซึ่งพ่อบ้านบอกว่า
“การบวชพระ ไม่ใช่สักแต่ว่าใคร ๆ ก็บวชได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการปฏิบัติให้ได้ด้วย และนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันให้ได้ ถ้าเราทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตของตัวเราเองและคนรอบข้าง”...
ผู้เขียนยังถามต่อว่า
“
แล้วไม่กลัวว่าชาวบ้านหรือคนรอบข้างจะถามหรือว่า แก่แล้วมาบวชพระ มีวัตถุประสงค์อะไรหรือ?”
พ่อบ้านบอกว่า
“ไม่ได้ใส่ใจ ใครจะคิดอย่างไร ก็ช่างเขาปะไร เพราะเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเราหรอก คนเราต่างจิต ต่างใจ ขึ้นอยู่กับจิตใจของเรามากกว่า เขาคิด เขานึกได้
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ “ตัวของตัวเราเอง”...
ตกลงผู้เขียนก็อนุญาตให้พ่อบ้านได้ไปบวชพระตามเจตนารมณ์...โดยการบวชครั้งนี้ ครอบครัวเราก็ไม่บอกใครเลย เพราะต้องการบวชอย่างสงบให้มากที่สุดและไม่ต้องการรบกวนเรื่องเงินทองจากผู้อื่น ไม่ใช่ว่าร่ำรวย...แต่ครอบครัวเราก็พอมีเงิน เรียกว่า
“มีฐานะแบบพอเพียง”
ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนและคนอื่นเดือดร้อนด้วย...
ทุกครั้งที่เรามีงานบุญ...เราจะไม่แจกการ์ดใด ๆ ทั้งสิ้น...บอกก็ตามคนสนิท พี่น้องไม่กี่คนเท่านั้น เพราะเรารู้ว่าบางครั้ง เราบอกไปแล้ว เขาไม่มีเงิน เขาก็จะต้องทุกข์ใจที่จะต้องหามาให้เรา เรียกว่าเป็น
“บาป”
มากกว่าที่จะได้บุญ...แต่ก็จะมีคนที่อยากร่วมทำบุญด้วย เขาก็จะมาร่วมงานบุญด้วย เรียกว่า
“รู้ใจกัน”...
เพราะสังคมสมัยนี้ ไม่เหมือนกับสังคมสมัยก่อนแล้วที่จะต้องพึ่งพากันเรื่องเงินทอง งานบุญต้องงานใหญ่ ได้หน้าตาเข้าไว้ แต่สมัยนี้ ประหยัดเท่าไร ทำได้เท่าไร เป็นของเรา บางท่านก็อาจคิดว่า
“เห็นแก่ตัว”
แต่ผู้เขียนคิดว่า
“ไม่น่าใช่ความเห็นแก่ตัวหรอก” เป็นเรื่องของการช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่า...
เพราะสังคมปัจจุบันเราต้องช่วยเหลือตัวเราเองให้ได้มากกว่าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น...และไม่ทำให้เขาเดือดร้อน...ซึ่งความคิดของผู้เขียนอาจเป็นความคิดที่ผิด หรือไม่ผิดก็ได้...
ซึ่งกำหนดการบวช พ่อบ้านก็ขอกลับไปบวชที่บ้านเกิดที่วัดย่านขาด (เขื่อนนเรศวร) อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 2 มกราคม 2554 โดยที่วัดได้ทำการฝังลูกนิมิตเพื่อสร้างโบสถ์ด้วย พ่อบ้านเคยบอกว่า “เมื่อตอนบวชครั้งแรกนั้น โบสถ์เก่าที่เล็กนั้น ก็ทำพิธีฝังลูกนิมิตเช่นกัน แต่เป็นโบสถ์เล็ก ๆ และทรุดโทรมแล้ว มาครั้งนี้ ที่บวช ก็คือ วัดได้ทำการรื้อโบสถ์เก่าออกและทำการสร้างโบสถ์ใหม่ โดยเมื่อฝังลูกนิมิตแล้ว ก็ทำพิธีบวชนาคเพื่อเอาฤกษ์ไปในตัวเลย...ในการบวชครั้งนี้ เรียกว่า...เป็นครั้งที่ 2 ที่ผู้เขียนได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ในครั้งแรกนั้น คือ "ภัคร" เจ้าตัวโต ได้บวชไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว...และทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ถึงพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาว่าเขาทำสิ่งใดกันบ้าง...ผู้เขียนจึงเก็บภาพที่งานบวชของพ่อบ้านมาฝาก...ซึ่งเป็นประเพณีแบบเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนัก...
ทำการบวชนาค มีผู้ที่บวชทั้งหมด 8 องค์
งานนี้...ผู้เขียนขอนั่งขัดสมาธิประนมมือไหว้...เพราะน้ำหนักตัวมาก
นั่งพับเพียบไม่ไหวแน่ ถ้าจะนั่งพับเพียบ ต้องหาเสาพิงค่ะ...
เลยต้องขออนุญาตนั่งแบบที่เห็นในรูป
ด้านซ้าย ซึ่งพระท่านก็ไม่ว่าอะไร บางท่านอาจขัดตา...ไม่สมกับเป็น
กุลสตรี... แต่ผู้เขียนคิดว่า นั่งอย่างไรก็ได้ ที่ไม่ทำดูว่าไม่เหมาะ
ไม่ควร และหลาย ๆ คนก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะสายตาก็ไม่ได้ว่า
เหมือนจะเข้าใจผู้เขียนด้วยซ้ำ...
มีพระครูชื่ออะไรวัดอะไรผู้เขียนจำไม่ได้แล้ว...มาเทศก์สอนให้นาค
ฟังด้วยค่ะ...
ท่านพระครูเทศก์ได้กินใจคนฟังมาก...สังเกตพ่อบ้านนั่งก้มหน้าค่ะ...
เพราะน้ำตาไหล...ถึงตอนนี้ที่พระท่านบอกว่าให้นาคก้มลงนอนหนุน
ตักแม่กับพ่อ แต่พ่อบ้านไม่มี พ่อ - แม่แล้วค่ะ...ได้เสียชีวิตกันหมด
แล้ว มีเพียงพี่สาวคนโตซึ่งอายุแก่กว่ากันเพียง 1 ปี พ่อบ้านก็เลย
ไม่ได้นอนหนุนตัก ก็ขอนั่งเฉย ๆ และก้มหน้าค่ะ...
เห็นภาพไหมค่ะ...ว่าพระครูท่านเทศก์ได้กินใจเพียงใด ขนาดพ่อบ้าน
เรียกว่า
"ใจแข็ง"
ยังอดที่เช็ดน้ำตาไม่ได้เลยค่ะ...
งานนี้...เรียกว่า "ได้น้ำตาทั้ง พ่อ - แม่ - นาค" เลยค่ะ...
ท่านพระครูเทศก์ได้กินใจผู้ฟังมาก...พ่อบ้านถึงกับควักกระเป๋าตังค์
ทำบุญให้ตั้ง 1,000 บาท เลยค่ะ...(ปกติพ่อบ้านไม่ยอมจ่ายให้ใคร
ง่าย ๆ หรอกค่ะ...อิอิอิ)...เพราะว่าใคร ๆ ในบ้านจะรู้ว่า
"เป็นคนขี้เหนียว"...
ท่านพระครูบอกว่า คนบวชที่ยังไม่มีภรรยา พ่อแม่จะได้บุญ 50 : 50
แต่ถ้านาคคนไหนมีภรรยาแล้วจะได้บุญดังนี้ค่ะ...
พ่อ - แม่ ได้ 30 : 30 สำหรับภรรยาจะได้บุญ 40 ค่ะ...
ทำให้ผู้เขียนสงสัยอีกแล้วละค่ะว่า...เอาอะไรมาเป็นมาตรวัด
ส่วนแบ่งกันละค่ะ...อิอิอิ...
ผู้เขียนได้แต่นั่งสงสัยว่า "ทำไมเขาถึงมีการเวียนเทียนกันด้วยค่ะ"
ต้องหาความรู้เพิ่มเติมแล้วละค่ะ...ว่าทำไม? การเวียนเทียนจะมี
ทั้งหมด 3 พานค่ะ...
การเวียนเทียนเขาจะเวียนไปทางซ้าย 3 รอบ ค่ะ แล้วท่อง
"พุทโธ ธัมโม สังโฆ"...แบบย่อ ๆ ...ตามที่พระท่านบอกด้วยค่ะ...
เมื่อท่านพระครูเทศก์จบ ก็มีการเจิมที่ศีรษะให้กับนาคด้วยค่ะ...
เหตุผลที่เจิม...ก็ทำให้ผู้เขียนต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีกละค่ะ
ว่าเพราะอะไร?...
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนก็ยังต้องสงสัยอีก นั่นคือ...การเป่าควันเทียน
เข้าปากของนาค
แต่ละคนด้วยค่ะ...ว่าทำไมต้องเป่าควันเทียนเข้าปาก...แม้แต่
"ภัคร" เจ้าตัวโตยังต้องสงสัยเหมือนกันว่าเพราะอะไร
เพราะเป็นประเพณีของพราหมณ์ค่ะ...
ภาพการเป่าควันเทียนเข้าปากของนาคค่ะ...
นาคทั้ง 8 องค์ค่ะที่เข้าพิธีเพื่ออุปสมบทในครั้งนี้ค่ะ...
พ่อบ้านบอกว่า ยายคนนี้นี่แหล่ะค่ะ ที่เป็นพี่เลี้ยงเลี้ยงนาคมาตั้งแต่
เล็ก ๆ ยายบอกว่ายายอายุ 80 ปี แล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่เลยค่ะ...
มาร่วมงานด้วย เมื่อทราบจากเพื่อนบ้านว่า...
พ่อบ้านมาบวชเป็นพระค่ะ...
ขอถ่ายรูปร่วมกันหน่อยค่ะ...ด้านขวามือของผู้อ่าน เป็นพี่สาว
ของนาคค่ะ...ส่วนชายที่นั่งตรงกลาง คือ "ตา" ซึ่งเป็นพ่อของ
ผู้เขียนค่ะ อายุ 77 ปี...เหลือท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น
เพราะพ่อ - แม่ ของพ่อบ้าน พร้อมด้วยแม่ของผู้เขียนก็เสียชีวิตกัน
หมดแล้วค่ะ...นี่คือครอบครัวของเราค่ะ...ขาดแต่เจ้าตัวเล็ก
รีบกลับบ้านเลยไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกันค่ะ...
กว่าจะควานหาเจ้าตัวเล็ก "น้องเพรียง" ด้านซ้ายมือ ได้มาถ่ายรูป
กับพ่อเรียกว่า...ตอนค่ำแล้วค่ะ...ผิดกับ "พี่ภัคร" เจ้าตัวโต
นั่งประกบพ่อตลอดเวลา...
กว่าจะเวียนรอบโบสถ์ได้ เรียกว่า เกือบตี 1 ค่ะ...กว่าจะฝังลูกนิมิต
เสร็จ...พี่สาวของนาคเดินไม่ไหวค่ะ เลยต้องให้ผู้เขียนอุ้มผ้าไตร
แทนค่ะ...งานนี้ ได้บุญเยอะมาก ๆ เลยค่ะ...และขอนำบุญมาฝากกับ
ทุกท่านที่เข้ามาอ่านในบล็อกนี้ด้วยนะค่ะ...
หลานสาวของนาคค่ะ..."น้องเปรม" กรรณิกา แสงเงิน...
ปัจจุบันสอบโควต้าได้เรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยนเรศวร
คณะเภสัชศาสตร์...ได้ที่ 1 ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ
จังหวัดพิษณุโลก ค่ะ...แต่ขอลองสอบเข้าคณะแพทย์อีกครั้งค่ะ
ถ้าได้ ก็จะสละสิทธิคณะเภสัชศาสตร์ ค่ะ...
ตระกูลนี้...ลูก - หลาน หัวดีกันเกือบทุกคน ยกเว้น เจ้าตัวเล็กของ
ผู้เขียนเรียนแย่กว่าเพื่อนค่ะ...แต่ไม่เป็นไร ไม่เก่งก็ไม่ว่ากัน
แต่ขอให้เป็นคนดี...แม่ก็พอใจแล้วค่ะ...
การทำพิธีจากพระอุปัชฌาย์ในโบสถ์หลังจากฝังลูกนิมิตเรียบร้อย
แล้วค่ะ...ผู้เขียนได้ร่วมอยู่ในโบสถ์ด้วยและเห็นเหตุการณ์ว่า
เขาทำพิธีใดบ้าง?...จนจบพิธีการค่ะ...ทำให้ผู้เขียนได้ทราบได้เห็น
ว่าเขาทำสิ่งใดกันบ้าง...เพราะในโลกของการทำงานจริง ๆ
ไม่มีให้เห็นกันหรอกค่ะ...
ชื่อเรียกทางพระของพ่อบ้านเมื่ออุปสมบทแล้ว
ได้ชื่อว่า
"ธรรมะจโร"...
เมื่อเสร็จกิจพิธีแล้ว พระบวชใหม่ต้องเดินลงมาเพื่อโปรดญาติ ๆ
ให้ทำบุญกับพระบวชใหม่ค่ะ...เมื่อเสร็จพิธีกิจทั้งหมด
ณ ขณะนี้เวลา 02.30 น. ค่ะ...เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะค่ะที่ผู้เขียน
เห็นและร่วมพิธีเกือบตี 3 ค่ะ...
มีผู้ที่ทราบข่าวว่าพ่อบ้านได้บวชเป็นพระ และนำเงินมาร่วมทำบุญ
ด้วยประมาณ 1,000 กว่าบาท...ผู้เขียนจดชื่อและแกะซองนำเงิน
ทั้งหมดใส่ย่ามให้กับหลวงพ่อและพระที่บวชใหม่หมดเลยค่ะ...
เพื่อทำบุญ...งานนี้ได้บุญหลายค่ะ...
พระบวชใหม่กำลังโปรดญาติโยมค่ะ...
งานใกล้เลิกลาแล้วค่ะ...นาฬิกา บอกเวลาว่า ตีสองครึ่งแล้วค่ะ...
เป็นครั้งแรกของชีวิตเลยนะค่ะที่มีการบวชพระตอนกลางคืน...
ใกล้เสร็จงานแล้ว หลวงพ่อ - แม่ - "ภัคร" + "เพรียง"
ร่วมกันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อยค่ะ...
นี่คือครอบครัวของเราค่ะ...
เมื่อเสร็จงานก็ขับรถยนต์กลับมานอนที่บ้านพรหมพิราม (บ้านเดิม)
ถึงบ้านเกือบตี 3 นอนหลับได้ 3 ชั่วโมง ก็ต้องตื่นเพื่อมาร่วมทำบุญ
ฉลองพระใหม่ที่วัดย่านขาดอีกค่ะ...
ความที่อิ่มบุญ...
ไม่ง่วงนอน
เลยค่ะ...(เพราะปกติจะเป็นคนที่อดนอนไม่ได้เลยค่ะ)...
แต่งานนี้ เรียกว่า
"ไม่ง่วงค่ะ"...
มีพระท่านมาเทศก์เพื่อฉลองให้กับพระใหม่ด้วยค่ะ...
ทำพิธีเวียนเทียนเหมือนกับวันบวชนาคเลยค่ะ...
เสร็จพิธีการบวชเป็นพระแล้วค่ะ...นี่คือ...
ประเพณีหนึ่งที่เป็นประเพณี
ของคนไทยเราสิ่งหนึ่งที่ลูกผู้ชายไทย ควรทำ คือ "
การบวช"
เพื่อทดแทนบุญคุณให้กับพ่อ - แม่เป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณ
ของตัวลูกที่มีต่อ พ่อ - แม่ และเป็นการสั่งสอนของพระว่าการแสดง
ความกตัญญูมิใช่ทำในขณะที่บวชเท่านั้น...แต่ควรนำความรู้ที่เมื่อได้
บวชเรียนแล้ว ไปปฏิบัติต่อไปเมื่อสึกแล้วให้เป็นมงคลต่อตนเองและ
ต่อคนรอบข้างด้วยค่ะ...
สำหรับปีนี้ ครอบครัวเราได้บุญกันตั้งแต่ต้นปีใหม่เลยค่ะ...
และนำบุญมาฝากผู้ที่เข้ามาอ่านด้วยนะค่ะ...
ขอบคุณค่ะ...
การบวชเป็นพระเป็นประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์
ถ้าเรายังเป็นผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ค่ะ...
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุษยมาศ
ใน
เรื่องเล่าของ "บุษยมาศ"
คำสำคัญ (Tags):
#ประเพณี
#ศาสนา
#happy 8
#happy ba
#happy family
#Happy Society
#บุษยมาศ
#"การบวชพระ" ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์
หมายเลขบันทึก: 418293
เขียนเมื่อ 5 มกราคม 2011 11:07 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม 2013 15:29 น. (
)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
บุษยมาศ
สมุด
เรื่องเล่าของ "บุ...
15. "การบวชพระ" ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท