หลายคนบ่นหรือว่าเรื่องความซื่อของเจ้าหยกลูกสาวคนโต
คือที่บ้านเรามีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ทำกัน นั่นก็คือการให้เด็กหัดจัดการการเงินของตนเอง
โดยการแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือ 10 % ส่วนที่ 2 กระเป๋าซ้าย ส่วนที่สามเรียกว่ากระเป๋าขวา ซึ่งในส่วนของกระเป๋าซ้ายนั้น
จะมีจำนวนเท่ากับ (จำนวนเงินทั้งหมด-10%)- จำนวนเงินที่ต้องการใช้ในแต่ละวัน
เช่น ได้เงินทั้งหมด 10 บาท ก็แบ่งเข้ากระเป๋า 10 % จำนวน 1 บาท คงเหลือ 9 บาท
เมื่อตนเองตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะใช้เงิน 7 บาท ก็นำเงินจำนวน 7 บาทใส่กระเป๋าขวา
ที่เหลือ 2 บาทก็ใส่เก็บในกระเป๋าซ้าย เมื่อสิ้นวันหากใช้ไม่หมดเหลือ 1 บาทก็ให้ค้างไว้ในกระเป๋าขวา เพื่อสามารถใช้ได้ต่อไปในวันที่สอง
โดยหลักก็คือเงินในกระเป๋า 10 % จะเป็นเงินที่เก็บไว้ใช้ในอนาคตยามแก่หรือเป็นมรดกของตนเองว่างั้นเถอะ ในส่วนของกระเป๋าซ้ายนั้นเป็นเงินที่มีไว้ใช้ยามจำเป็น
กระเป๋าขวาเป็นเงินใช้ประจำวัน เจ้าของสามารถยืมเงินจากกระเป๋าซ้ายได้หากมีความต้องการมากกว่าจำนวนเงินที่มีในกระเป๋าขวา เมื่อยืมไปก็ต้องจดบันทึกและนำมาคืนไว้ดังเดิม
เมื่อทำไปได้เรื่อยๆ เงิน 10 % ก็ค่อยๆ โตขึ้นๆ
เมื่อน้าสาวมาเที่ยวหาก็ได้พูดได้คุยกัน ถามถึงการจัดการการเงินที่ทำอยู่และก็ตั้งคำถามว่า
หากกระเป๋าซ้ายให้ยืมแล้วยังไม่พอ ก็น่าจะยืมกระเป๋า 10 % ได้เพราะเงินก็อยู่เฉยๆ นี่
ด้วยความที่เค้ายึดกติกา ทำยังไงก็ไม่ให้เอากระเป๋า 10 % มาใช้
ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังพูดขึ้นมาเรื่องความยืดหยุ่น พูดถึงความเป็นคนซื่อของเขา
เมื่อผมมาพิจารณาก็คิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่จะเกิดกับเด็กทุกคนหรอก
สิ่งนี้แหละน่าที่จะบอกถึงความสำเร็จ ความมีอนาคตได้
เพราะการเคารพกติกานี่ มันบอกถึงบุคลิกภาพของบุคคลว่าเป็นคนอย่างไร
ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้คำใหนกับบุคลิกแบบที่เค้าว่าซื่อๆ นี่ เราจะเรียกว่าอย่างไรน้า
ไม่มีความเห็น