บ่อยครั้งเราคิดว่า..รากหญ้า คือชาวบ้าน ทำนา เหน่งๆ...ถึงเรียกว่ารากหญ้าของแท้...ในมุมมองของผม...คนที่ทำงานตามโรงงาน องค์กรต่างๆระดับแรงงานทั้งหลายก็คือรากหญ้า...แทบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน..บางคนก็ทำนา..เจอปัญหาสังคม พอๆกัน...นี่คือรากหญ้าในป่าคอนกรีต ของแท้เลยครับ...ต้องไดรับการเอาใจใส่มากๆครับ
..............
ลูกศิษย์คนเก่งบ้านเป็นโรงแรม เธอทำโครงการเกียวกับการใช้ AI และจิตวิทยาบวก..ไปถามคนงาน ปรากฏว่าก็เหมือนองค์กรทั่วไป ที่คนรากหญ้า จะไม่ค่อยพูด...
เธอเลยถามว่า "อาจารย์คะ สัมภาษณ์มา เขาไม่ค่อยพูดอะไรเลยค่ะ.."
ผมเลยบอกเขาว่า "....คนงานที่ไหนก็เหมือนกันแหละ ไม่ค่อยพูด ถึงพูดบางทีก็พูดแบบกล้าๆ กลัวๆ...พอจับความอะไรได้ไหม.."
ลูกศิษย์บอกว่า "...ดูเหมือนเขาจะพูดถึงความต้องการ...เขาอยากให้ลูกมีการศึกษาสูงๆ"
ผมรีบบอกเขาว่า "..ได้เรื่องแล้วละ นี่แหละ เล่นเรื่องนี้เลย..."
เล่าให้เขาฟังว่า "...เรื่องนี้แปลก เคยเจอในกรณีลูกจ้างรายหนึ่ง..ต้องงกู้หนี้ยืมสินเรียน..วันหนึ่งเลยตัดสินใจถาม..ป้าๆ ป้าไม่รู้เหรอ ว่ามีกองทุนกยส.ให้กู้ยืม..ปรากฏว่า..ป้าคนนั้น บอกว่า ไม่รู้...เลยไปถามปรากฏว่าลูกเขามีสิทธิกู้..."
.....
นี่ประเด็นแรก...เลยแนะนำให้เขาทำโครงการ แค่เอาข่าวมาปิดในองค์กร ติดต่อหน่วยงานที่รู้...หาข่าวสารมา...ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรดาลูกจ้างได้...
...
ยังอาจหาเรื่องเล่า มาเล่าให้เขาฟังเรื่อยๆ เช่น นายเก่าของผมก็เรียนราม (จบมนุษย์ภาษาอังกฤษ) ค่าเรียนไม่แพง แต่กลับมาเป็นนายคนจบวิศวะลาดกระบัง แถมจบโทเมืองนอกอย่างผม (สิบกว่าปีก่อน พึ่งจบเองปีที่แล้วครับ)..พี่ท่านเก่ง มีความน่านับถือมากๆ...เงินเดือนสูงกว่าผมหลายเท่า..เพื่อนผมตอนนั้นก็จบราม ทำงานตำแหน่งเดียวกัน...เงินเดือนเท่ากับผมที่จบเมืองนอก...ความสามารถสูงไม่ต่างกับคนจบเมืองนอกเลยครับ...ภาษาอังกฤษ นี่ใช้ได้เลย (เราทำฝ่ายติดต่อประสานงานกับลูกค้าต่างประเทศ...ถ้าคุณชอบไปเรียนมนุษย์ อังกฤษ ที่รามก็ได้ครับ เห็นจบมาเจ๋งๆ กับตาหลายราย...แถมโรงงานส่งออกมีหลายพัีน..โอกาสงานเพียบ)..เรื่องนี้ทำเป็น KM ค้นหา คนที่มีอนาคตดี ทำงานดี.แต่ผ่านการศึกษาแบบต้นทุนไม่สูงมาเล่าอย่างต่ำเดือนละราย ก็น่าจะจุดประกายได้ดีทีเดียว..
....
ย้อนไปคนเดิม..ตอนหลังป้าคนนี้ไปถามลูก...ปรากฏว่าลูกก็รู้..แต่กลับบอกว่า "...รู้แล้ว แต่ถ้าไปกู้ ผมจบมาก็ต้องทำงานใช้หนี้..." โอว..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด..นี่มันผลักภาระหนี้ให้แม่นี่หว่า...(ป้านี่ต้องวิ่งขาขวิด หาเงินให้อวชาตบุตร นี่ทุกเทอม)
.....
ตรงนี้ก็กลายเป็นโครงการ AI ย่อยๆ ได้อีก...ตามหลักความจริงที่ว่า...เด็กป่วน ทุกคนย่อมเคยถูกเปลี่ยนใจมาแล้ว..ไม่มา็กก็น้อย...ตรงนี้อาจจัดเวที ในองค์กร เชิญเด็กป่วน ที่ต่อมาทำตัวดีขึ้น..มาเล่าประสบการณ์ว่า "จุดเปลี่ยน..จากไม่ดี มาดี นี่อยู่ตรงไหน.." เพื่อที่คนในองค์กร จะได้เรียนรู้ เอาไป "เปลี่ยนลูกตัวเอง" ได้...
.....
มีีอีกเยอะครับ..เช่นสามีไม่รับผิดชอบ..คนงานกินเหล้า..ก็ถามว่ามีเลิกเหล้าไหม..ผมว่าีคนเลิกเหล้าแน่นอน...ลองค้นหาดู..ถ้าไม่มีในองค์กรนี้ มีในองค์อื่นไหม...ถ้ามีก็ไปดู ไปหาจุดเปลี่ยน..ผมเคยเจอใน case ที่ว่า "มีฝีมืิอแล้วได้รับความไว้วางใจ" สิ่งที่ตามมาคือ "เลิกเหล้า" ครับ..ผมเลยต่อยอดให้ฟังว่า..ผู้ชายกินเหล้านี่ฮอร์โมน Dopamine ต่ำครับ...ถ้าอยากให้ตัวนี้สูงขึ้น ต้องให้ความนับถือครับ...นับถืออะไร นับถือความเชี่ยวชาญครับ...เลยเกิดโครงการย่อย ว่าจะช่วยค้นหาความเชี่ยวชาญของคนงานกัน..แล้วเปิดพื้นที่ให้สังคมในองค์กรได้รับรู้ และหาทางใช้งานเขา เขาน่าจะภูมิใจ...อาจส่งผลให้ฮอร์โมนนี้สูงขึ้น..จนเลิกเหล้าได้
(ดูหนังสือเล่มนี้ครับ)
.....
ตั้งแต่ลูกศิษย์ผมเริ่มโครงการนี้มาสามเดือน ปรกติ คนละลาออก 1-2 คนทุกเดือน..ตอนนี้ไม่มีมาสามเดือนแล้ว...เรากำลังทำมากขึ้นเรื่อยๆ...ตอนนี้เริ่มมีกองทุนเพื่อการศึกษาของบุตรแล้วครับ...
....
โครงการนี้..เพื่อรากหญ้า..เพื่อชาติครับ..
......
นี่เ็ป็นตัวอย่างการพัฒนาโครงการ AI Project สำหรับคนงาน ที่ปัญหาสำคัญคือ ...ไม่ค่อยพูด...ต้องจับจุดมา แล้วคิดต่อ...
ในส่วนของ Positive Psychology เอง เราเริ่มต้นจาก Happy Workplace (เป็นหัวข้อหนึ่งใน Positive Psychology) ซึ่งตรงนี้มีขอบเขตทั้งชีวิตส่วนตัวและ ชีวิตที่ทำงาน...ประมาณว่าชีวตส่วนตัวไม่ดี ก็ยากที่ชีวิตในที่ทำงานจะดีได้ครับ...การพัฒนาองค์กรจึงเริ่มจากกสนพัฒนาชีวิตส่วนตัวคนงาน...ควบคู่ไปกับชีวิตการทำงานครับ...
...
คุณล่ะคิดอย่างไร..
เรียนท่านอาจารย์
@ คุณชาดา ขอบคุณมากสำหรับคำอวยพร หวััดดีปีใหม่เช่นกันนะครับง..
@ คุณยาย ขอให้มีความสุข สำเร็จในทุกด้าานะครับ
ชอบใจเรื่องป้าเลยครับ
ขอบคุณมากๆครับ