วันนี้วันที่ 26 ธันวาคม 2553
พวกเรามีบางกลุ่มตื่นตั้งแต่เช้าไปปั่นจักรยานถึง 5 คน!!! ไปกันกับพี่ๆและผู้ใหญ่บ้าน ปั่นไปที่วัดซากใหญ่ ซึ่งภายในวัดจะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก รวมถึงมีการแสดงเป็นเหตุการณ์สำคัญต่างๆในพระพุทธศาสนาด้วย เช่น วันมาฆบูชา หลังจากไปปั่นจักรยานเสร็จเวลาประมาณ 8 นาฬิกา กลับมาถึงที่พักเพื่อนๆก็ได้ตื่นกันหมดแล้ว
และงานที่สำคัญของวันนี้คือ การไปคุยหาข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการที่จะทำต่อเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของชุมชนนี้ โดยนัดกันประชุมถึงเรื่องนี้เวลาประมาณบ่ายโมงตรงที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ก่อนหน้านี้กลุ่มของเราได้ทำการถ่ายทำ vdo และได้เตรียมการทำรายงานรูปเล่มที่ยังไม่เสร็จอีกมากมาย และหาวิธีที่จะนำเสนองานได้อย่างสำเร็จ
เวลาบ่ายโมงพวกเราทุกคนไปเจอกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ได้พูดคุยปรึกษากันเกี่ยวกับตัวโครงการซึ่งทางเราและทางผู้ใหญ่บ้านได้เห็นตรงกันว่าควรที่จะทำให้โครงการยั่งยืนและสามารถอยู่เคียงคู่กับประชาชนหมู่ 9 ได้ ซึ่งต้องหาวิธีและปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับชุมชนนี้ เช่่น หากการทานอาหารร่วมกันเป็นไปได้ยาก อาจจะต้องเป็นการนำไปปฏิบัติกันเองในแต่ละครอบครัว และเน้นการทานผัก ลดเนื้อสัตว์
และเมื่อคุยถึงเรื่องความยั่งยืน จะต้องมีปัจจัย 3 อย่าง คือ กองทุน แกนนำ และกำลังคน ซึ่งในช่วงแรกที่ได้คุยทางหมู่ 9 นี้มีความเพรียบพร้อมทั้งทางด้านแกนนำ และกำลังคนอยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องกองทุน เนื่องจากไม่รู้จะนำทุนมาจากไหน และได้นำปัญหาไปปรึกษาพี่วาสนา และพี่วาสนาได้ี้แจงรายละเอียดและได้หาทางออกให้พวกเราได้
หลังจากนั้นพวกเราก็ได้มอบของรางวัลให้กับทางป้าเล็ก แม่ครัวประจำงานนี้ และมีการส่งมอบผลงานรวมถึงโครงการเพื่อให้โครงการนี้ได้ดำเนินต่อไป
ช่วงเย็นพวกเราก็ทำงานกันต่อ เป็นการเตรียมงานเพื่อที่จะนำเสนอในวันที่รายงาน
ปั่นจักรยานทางไกลเพื่อสุขภาพกับชาวหมู่ 9 ระยะทางไปกลับมากกว่า 30 กิโลเมตร จุดหมายอยู่ที่ วัดซากใหญ่ ซึ่งมีรูปปั้นเกี่ยวกับพุทธประวัติอย่างโอฬาร ถือว่าเป็นมรดกที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
อาหารมื้อเที่ยง
การประชุมผู้ที่จะสืบต่อโครงการต่อไป
จะเห็นกระทงใบตอง ซึ่งพี่น้องหมู่ 9 ได้นำเมนูมัจฉาหลงไพร ทำมาให้รับประทาน
การมอบของที่ระลึกให้กับชมรมที่จะสืบต่อโครงการที่ทำไว้
ส่วน VDO ที่ถ่ายทำโปรดติดตามชมในตอนต่อไป
อากาศคงดีนะครับ
ภายหลังอย่าลืมนัดเพื่อนๆไปเยี่ยมนะครับ
ปล.ฝากคำถามไว้บล็อกที่แล้วครับ
จากการตอบคำถาม คุณจันทร์ยิ้มในบล็อกที่แล้ว
สัมผัสได้ว่า สุขภาพดีวิถีไทย
สอดแทรกอยู่ในวิถีการกินของชาวแหลมสิงห์จริงๆ