"มาร์ค" เตรียมดันเป็น "สวัสดิการ" ยกระดับมาตรการลดค่าครองชีพ


รัฐเตรียมยกระดับมาตรการลดค่าครองชีพเป็น"สวัสดิการ"ของขวัญประชาชน 9 ม.ค. หลัง ครม.มีมติต่ออายุไปก่อนถึงสิ้นเดือน ก.พ. 2554 ควักงบ 3,085 ล้านบาท ชดเชยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  รถเมล์รถไฟชั้น 3 และค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย ด้านอธิบดีกรมบัญชีกลางระบุขึ้นเงินเดือน อบต. มีความเหมาะสมนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้ต่ออายุมาตรการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนออกไปอีก 2 เดือนในส่วนของมาตรการเรื่องของรถไฟชั้น 3 รวมถึงรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชนและค่าไฟฟ้า จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 นี้ โดยจะให้ขยายเวลาต่อไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการพร้อมกับการตรึงราคาก๊าซแอลพีจี (LPG) และเอ็นจีวี (NGV) ทั้งนี้คาดว่าจะต้องใช้เงินชดเชยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 3,085 ล้านบาท

       นอกจากนี้ ครม.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการที่จะบริหารจัดการค่าครองชีพประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำเสนออยู่ในส่วนหนึ่งของโครงการประชาวิวัฒน์ คิดนอกกฎบริหารนอกกรอบของนโยบายรัฐบาลที่จะมีการแถลงในวันที่ 9 มกราคม 2554 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกมาตรการช่วยลดค่าครองชีพก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 หากมีมาตรการที่ยั่งยืนกว่ามาทดแทน  "ที่ประชุม ครม. เห็นว่าในระหว่างนี้ให้ขยายมาตรการเดิมออกไปก่อนจนกว่าถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงยกเลิกก่อนช่วงระยะเวลาดังกล่าวของปีหน้า  หากมีมาตรการที่ยั่งยืนกว่ามาใช้ทดแทนได้" นายกรณ์ กล่าวและว่า ทั้งนี้สำหรับวงเงินชดเชยจะใช้ในส่วนของมาตรการช่วยค่าไฟฟ้านั้นประกอบไปด้วยจ่ายให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จำนวน 261 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 2,226 ล้านบาท โดยมีประชาชนจะได้รับประโยชน์ 9.16 ล้านครัวเรือน ส่วนมาตรการขึ้นรถเมล์ฟรี จะใช้เงินชดเชยประมาณ 420 ล้านบาท โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์ 604 ล้านเที่ยว ขณะที่มาตรการขึ้นรถไฟฟรี จะใช้วงเงินชดเชยประมาณ 177 ล้านบาท โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์ 54 ล้านคน

       นายกรณ์  ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติอนุมัติกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2554 ที่ 0.5-3.0% เท่ากับกรอบเดิมในปี 2553 ทั้งที่หลายฝ่ายมองว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นการมองเป้าหมายในระยะยาว เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในแง่นโยบายประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวนโยบายทางการเงินที่จะดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ

       ด้านนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์  อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยการปรับขึ้นดังกล่าวนั้นจะใช้เงินงบประมาณ 1,055 ล้านบาทซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554

 

ฐานเศรษฐกิจ

 23 ธันวาคม 2553

หมายเลขบันทึก: 415932เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2010 11:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 13:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท