กล่องสนทนา หรือ dialog box เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการข้อมูลที่เราจะสามารถพัฒนาวิธีใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่ต้องการได้หลายวิธี ซึ่งถ้าหากต้องการใช้บล๊อกเป็นเครื่องมือและวิธีจัดการความรู้เพื่อการวิจัยหรือสร้างความรู้ ทำสิ่งที่เป็นประสบการณ์หรือเป็นข้อมูลที่ยังไม่เป็นระบบ ให้สามารถพัฒนาเป็นความรู้ที่สามารถสะสมไว้ใช้ร่วมกัน รวมทั้งทำประสบการณ์ของสังคมให้เป็นข้อมูลและความรู้ที่บันทึกไว้ได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งๆขึ้น ก็จะสามารถสร้างสรรค์วิธีใช้ในรูปแบบต่างๆ คือ
กระบวนการเหล่านี้ ในอดีตนั้น นักวิจัยจะต้องใช้บัตรคำหรือการ์ดบันทึก ซึ่งต้องใช้ระบบการจัดเก็บที่ยุ่งยากและสิ้นเปลืองมากทั้งทรัพยากรและการใช้เวลา การพัฒนาวิธีนำบล๊อกมาใช้ก็จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้พึ่งตนเองในการทำงานให้มีคุณภาพและมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ความเป็นส่วนรวมได้ด้วยตนเองมากยิ่งๆขึ้นในหลายมิติ
ที่สำคัญคือ นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพการทำงานของเราแล้ว ก็จะช่วยให้สามารถพัฒนาวิธีสร้างความรู้ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่มีขีดจำกัดเพราะช่วยลดความยุ่งยากและยืดหยุ่นต่อประสบการณ์อันหลากหลายของผู้คนมาก เช่น ชาวบ้าน เด็ก เยาวชน และผู้นำชุมชน ซึ่งมีประสบการณ์และเข้าถึงความเป็นจริงของสังคมได้อย่างดี ก็สามารถร่วมบันทึกและเป็นเครือข่ายช่วยสะสมข้อมูลและสร้างความรู้ขึ้นด้วยการต่อเติมส่วนขาดของกันและกัน ทำให้สังคมมีโอกาสสร้างและรวบรวมสิ่งต่างๆให้เป็นคลังความรู้และภูมิปัญญาของส่วนรวมร่วมกันได้ดียิ่งๆขึ้น
ภาพที่ ๑ การใช้กล่องสนทนาเพื่อบันทึกและแบ่งปันข้อมูล ตัวอย่างการใช้กล่องสนทนาหรือ dilog box ช่วยบันทึกความเห็น และทำข้อสังเกต จะทำให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ หรือสังคมแห่งภูมิปัญญา ที่ร่วมสร้างและสะสมรวบรวมข้อมูลจากไม่เป็นระบบ ให้เป็นข้อมูลที่จะสามารถนำไปประมวลผลสร้างความรู้เพื่อรวบรวมไว้ให้เป็นระบบได้อย่างหลากหลายมากยิ่งๆขึ้น
ภาพที่ ๒ พัฒนาความรู้จาก dialog box การจัดการข้อมูล สร้างความรู้ พัฒนาวิธีนำเสนอและเผยแพร่ รวมทั้งจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบมากยิ่งๆขึ้น ตัวอย่างจากเวทีคนหนองบัว http://gotoknow.org/blog/nongbua-community
วิธีบันทึกและใช้กล่องสนทนาในลักษณะดังกล่าวนี้ ในแง่ของการใช้สื่อ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม รวมทั้งเพื่อการจัดการข้อมูลและการบริหารจัดการทรัพยากรความรู้ ก็จะเป็นการพัฒนาวิธีใช้บล๊อกและการบันทึก ให้เป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการศึกษาเรียนรู้ชุมชน (Community-Based Educational Technology)
โดยวิธีการดังกล่าวนี้ นักวิจัยและนักวิชาการแนวชุมชน หรือนักวิจัยแนวประชาคม ก็จะสามารถพัฒนาความร่วมมือกับผู้คนทั่วประเทศโดยผสมผสานทั้งความเป็นชุมชนที่มีตัวตนและชุมชนที่เชื่อมโยงกันด้วยจินตภาพทางข้อมูลข่าวสาร หรือ Virtual Community เพื่อร่วมกันสร้างความรู้และจัดการความรู้ร่วมกันในขอบเขตที่กว้างขวาง แก้ปัญหาข้อจำกัดต่างๆได้มากขึ้น
ข้อมูลที่ร่วมมือกันสะสมได้มากขึ้น ก็จะสามารถุนำมาวิเคราะห์และจัดการความรู้เพื่อนำไปสู่การขยายผลให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวาง ต่อยอดการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เช่น นำมาวิเคราะห์และสร้างเป็นความรู้ที่เป็นหวดหมู่และเป็นระบบมากยิ่งๆขึ้น ส่งเสริมชาวบ้านและคนมีประสบยการณ์ทั่วไปที่เริ่มเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้ ให้สามารถค่อยๆได้ประสบการณ์และยกระดับการพัฒนาศักยภาพตนเอง จากการบันทึก สู่การเป็นผู้สร้างและรวบรวมความรู้จากท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศ สามารถเป็นกำลังความรู้ในชุมชนของตนเองและทำให้ส่วนรวมได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการความรู้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความเป็นชุมชนอันแตกต่างหลากหลายได้มากยิ่งๆขึ้น
นอกจากนี้ นักวิชาการ นักวิจัย และคนที่มีความรู้ที่แตกต่างหลากหลายออกไป ก็สามารถนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาบูรณาการเสริมต่อ ทำให้วัตถุดิบและข้อมูลที่ร่วมมือกันสะสมด้วยวิธีง่ายๆจาก dilog box ในลักษณะดังที่กล่าวมานี้ มีความหมายมากยิ่งๆขึ้น เช่น ดึงเอาข้อมูลมาวิเคราะห์และจัดการความรู้เพิ่มเข้าไปเพื่อพัฒนาเป็นหัวข้อความรู้ พัฒนาวิธีสื่อสารและนำเสนอ รวมทั้งนำเอาศิลปะ สื่อ และข้อมูลในลักษณะอื่น ทั้งภาพถ่าย การวาดภาพ การเขียนแผนภาพ มาบูรณาการเข้าสู่กัน
จากการพัฒนาวิธีใช้ dilog box และบันทึกง่ายๆ ตามวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับการงานและความสนใจของเรา ก็จะกลายเป็นการร่วมมือกันทำให้สังคมมีความมั่งคั่งในความรู้ที่ขาดการรวบรวมและจัดเก็บอย่างเป็นระบบ เพิ่มพูนมากยิ่งๆขึ้นเป็นลำดับ.
วันพฤหัส ที่ ๑๖ ธ.ค ไป ลปรร การสื่อสารผ่านทาง Social Network ในงาน SHA ที่ Imperial ได้ครับ
ดูกำหนดการและกลุ่มคนที่จะเป็นคนบรรยายนำการ ลปรร แล้ว ก็รู้สึกว่าดีจังเลยนะครับอาจารย์หมอ JJ ครับ ในอีกฐานะหนึ่ง อาจารย์ก็เป็น Mentor พาน้องๆหาประสบการณ์และเป็นพี่เลี้ยงที่คอยเสริมความมั่นใจ สร้างคนรุ่นใหม่ๆให้สังคม และอีกทางหนึ่ง ก็เป็นวิธี ลปรร ที่ทำให้คนทำงานเรื่องสุขภาพและเรื่องส่วนรวมต่างสาขา ได้เกิดการสานต่อ ถักทอ เชื่อมโยงวิธีคิดและเครือข่ายการทำงาน ทำให้เกิดาภาวะผู้นำของชุมชนการเรียนรู้ที่มีความรู้หลากหลายซับซ้อนเทียมทันสภาพปัญหาของสังคมมากยิ่งๆขึ้นนะครับ
ขอร่วมเสริมส่งกำลังใจถึงทุกท่านทุกคนครับผม