วันหนึ่งมีโอกาสเจอผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติ...เนื่องจากอาวุโสกว่าทั้งวัยวุฒิ และปัญญาวุฒิ ผมขอเรียกโดยใช้นามแฝงว่า "ท่านพี่"
.....
แนะนำตัวกันแล้ว..ท่านพี่รายนี้ก็เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เขาชื่นชมเกี่ยวกันวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทต่างชาติ...แล้วพลัน..ท่านพี่ก็บ่นหน่อยๆว่า..นี่เราเอาบริษัทชั้นนำมาตั้งในชุมชน..ไม่รู้ดีหรือไม่ดีกันแน่...OK คนรายได้ดีขึ้นแต่...
.......
"...แต่ก่อนนะอาจารย์ ตอนไม่มีโรงงาน ชาวบ้านก็อยู่กันไปตามประสา...ต่อมาพอมีโรงงาน ที่ส่วนใหญ่รับผู้หญิงมาทำงาน..ทำงานอยู่ในห้องแอร์...ผิวจากดำก็มาขาว...จากรายได้จากการทำนา...มาเป็นเงินเดือนประจำ ที่เริ่มสูงขึ้นสูงขึ้น...ขณะที่สามี ที่ยังทำไร่ทำนาอยู่ ตัวยังดำ และรายได้ไม่แน่นอนเหมือนเดิม...เกิดปัญหาครอบครัว...ล่าสุดถึงขั้นยิงกันตาย...."
.....
"...ส่วนผมเอง..ก็มีแต่ลูกน้องผู้หญิง...ผมไม่เข้าใจเลยอาจารย์...จุกจิกมากๆ...เดี๋ยวเข้ามาแล้ว...คนนั้นมีปัญหากันอย่างนี้...ผมไม่รู้จะทำอย่างไร...ก็บอกเขาว่า...คุณไปตกลงกันเอง..นะ..ผมเป็นผู้ชาย ไม่เข้าใจผู้หญิงกันเองหรอก..."
......
"จะทำอย่างไรครับ...อาจารย์"
.........
OK ครับ เลยเล่าเรื่องฮออ์โมนและสมองให้ฟัง ว่าเดี๋ยวนี้ในสายบริหารเอาความรู้เรื่องนี้มาใช้กันครับ...นอกจากนี้ยังแนะนำเรื่อง AI ที่ถือเป็นการพัฒนาองค์กรแบบใหม่ท่านพี่ฟัง..
........และปฏิบัติการ Appreciative Inquiry ก็เริ่มขึ้นครับ...AI มาจากสมมติฐานที่ว่า...ในทุกระบบ มีอะไรดีๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ คือ...ในบรรดาลูกจ้างที่มีครอบครัวทั้งหมด ต่างตัวขาว และมีรายได้สูงขึ้น...ย่อมมีครอบครัวที่มีปัญหา กับไม่มีปัญหา ใช่ไหมครับ...
...ผมเลยถามว่า...น่าเอาพวกที่ไม่มีปัญหา มาเล่า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เพื่อนร่วมงานฟัง..ว่าเขามีวิธีการจัดการบริหารความรู้สึกสามีอย่างไร...เชื่อว่าน่าจะดีขึ้น..ทำบ่อยๆ เป็น KM โรงงานไปเลย..
ผมเองเล่าเสริมอีกว่า..ผู้ชายต้องการความเคารพ...ถ้าขอให้ผู้ชายช่วยเหลือ รับรองช่วยสุดชีวิต...ผมถามว่ามีผู้หญิงสมัยนี้ซักกี่คนที่ทราบความลับนี้...แค่ train ให้ผู้หญิงไปกลับไปขอให้ผู้ชายช่วยเหลือ (ต้องไม่บ่น ไม่สอน) แค่นี้ผู้ชายก็มีความสุขแล้ว...(ถ้าขอความช่วยเหลือผู้ชาย..ฮอร์โมน Dopamine จะพุ่งขึ้นปรี๊ด ตัวนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกชีวิตมีความหมายและมีความสุขครับ)
.......
ส่วนกรณีที่สอง ผมบอกว่า..."..พี่ทราบไหมครับ...การที่พี่ฟังอย่างเดียว...ไม่ไปหาแทางแก้ให้ผู้หญิงที่มาบ่นให้พี่นี่เขามีความสุขครับ...ผู้หญิงต้องการคนรับฟัง...การที่พี่ฟังนี่ก็เท่ากับทำให้เขามีความสุขครับ...ฮอร์โมน Serotonin เขาจะดีขึ้น...นี่ผมเอาความรู้เรื่องสมองมาอธิบายให้พี่เลย...
ผมเลยเสริมต่อ..เราอาจช่วยกันตั้งหน่วยรับฟัง..ขึ้นในโรงงานได้ด้วยซ้ำ...ลองหาใครที่สามารถจัดการเรื่องครอบครัว เรื่องลูก เรื่องการศึกษา..และซำมาปิ หลายๆ เรื่อง..แล้วบอกคนในโรงงานให้รู้ว่า ถ้าเจอปัญหาแบบนี้ให้ไปคุยกับคนนี้ก็อาจลดภาระพี่ได้เลยครับ..คนในโรงงานน่าจะมีความสุขมากขึ้น..
...
ส่วนถ้าจะทำเป็น OD Project จริงๆ..
โครงการนี้เราจะใช้ AI ผสมกับ KM ครับ...
เราจะเริ่มจากทำ workshop ว่าผู้หญิงในโรงงาน มีความสุข เก่งขึ้น สื่อสารกับนายได้ ทำงานกับเพื่อน และมีความสุข...ทำให้สามีมีความสุข...
หลายโจทย์ แล้วโรงงานเก็บข้อมูลไว้เป็น KM โรงงานต่อ
ส่วนผมก็จะเล่าเรื่องทฤษฎีสมองและฮออ์โมนประกอบครับ...
พอได้เรื่องเล่าดีๆ..ก็ลองขยายผลไปทำกัน...กลับไปเช็คปรับปรุงงานกันอีก...
ผมอาจไปเอง หรือโรงงานอาจตั้งคน Follow-up ต่อทำเองก็ได้ครับ...
.........
นี่ไงครับ..การพัฒนาโครงการ OD Project จริงๆ ในเวลาราวๆ 20 นาทีครับ...
ใช้ AI ผสมผสานกับ KM และความรู้เรื่องสมอง ฮอ์โมนผู้หญิง ผู้ชายครับ...
.......
คุณล่ะคิดอย่างไร...
.....................
ท่านที่สนใจเรื่องฮอร์โมน สมอง ผู้หญิงผู้ายดูหนังสือสองเล่มนี้นะครับ...
เพิ่งอ่าน " ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกฯ " ก็มาอ่านบทความนี้ต่อเลยครับ.....
เป็นบทความที่ได้ความรู้ดีครับ เรื่องฮอร์โมน / พฤติกรรม / เพศภาวะ พวกนี้เป็นอะไรที่ถ้ารู้จุดแล้ว สามารถนำมาก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริงๆ
อ.ครับ เห็นว่าพี่ม่อนเค้าจะจัดตั้งกลุ่ม บ.เกี่ยวกับสายงานนี้ใช่มั้ยครับ
คือผมอยากลองเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆด้านนี้ครับ
ผมควรเริ่มจากจุดไหนดีครับ
ไปหาพี่ม่อนเลยนะ..หรือไม่ก็มาที่คณะ มา Jam เวลาอาจารย์ Coach ก้ได้มาเลยโทรมาหาอาจารย์ได้เลยครับ