3. เรื่องเล่าอภินิหาร
1. หลวงพ่อขวัญเล่าเรื่องตะกรุด
หลวงพ่อขวัญเล่าว่า “ฉันทำตะกรุด ฉันก็ทำไปตามตำรา มารู้ว่าเป็นจริงตามตำราก็เพราะว่ามีคนที่ฉันให้ตะกรุดเขาไป เขามาเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นพัศดีคุมนักโทษ แล้วมีเรื่องเกิดขึ้น คือนักโทษมันแหกคุกหนีออกมา เขาก็ไล่ตามจับ นักโทษมันมีปืนมันก็หันเอาปืนมายิงเขา เขาก็เอาปืนยิงไปที่นักโทษบ้าง ยิงกันไปยิงกันมาอยู่อย่างนั้น ปรากฏว่าไม่มีใครโดนลูกปืนเลย” (เพราะทั้งคู่มีตะกรุดของหลวงพ่อขวัญ ตะกรุดของหลวงพ่อขวัญจะทำให้คลาดแคล้วทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้มีเวรมีกรรมต่อกัน) อีกเรื่องหนึ่ง คือ “มีคนคนหนึ่ง คนนี้เขายิงปืนแม่นมาก เขาอยากลองตะกรุดของฉันเขาจึงเอาตะกรุดไปผูกไว้ที่คอไก่แล้วก็ยิงไก่ ปรากฏว่าลูกปืนไปถูกเชือกที่ผูกตะกรุดขาด ตะกรุดจึงหล่นหายไปเลย หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ส่วนไก่ไม่เป็นอะไร เขามาเล่าให้ฉันฟังแล้วมาขอตะกรุดฉัน นอกจากฉันไม่ให้ตะกรุด เขาแล้วยังตำหนิเขาด้วย”
2. หลวงพ่อขวัญพบดวงพระวิญญาณพระเจ้าเสือ
พระเจ้าเสือ
ที่มา : (เมื่อหลวงปู่ขวัญพบดวงพระวิญญาณพระเจ้าเสือ, ม.ป.ป.)
เรื่องนี้เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ. 2517 ยุคนั้นเป็นยุคที่คนคลั่งไคล้ในการหาสมบัติหรือตัดเศียรพระ ทำให้มีโบราณวัตถุหายไปมาก วันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งได้ลายแทงมาจากอยุธยา เป็นลายแทงที่บอกว่ามีสมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) ซ่อนอยู่ที่วัดโพธิ์ประทับช้าง ก็เลยมาหาที่วัดโพธิ์ประทับช้าง (ซึ่งเป็นที่ประสูติของพระเจ้าเสือ) จู่ ๆ ก็เกิดตัวบวมและปวดท้องอย่างไม่มีสาเหตุ ลูกหาบจึงหามมาหาหลวงพ่อขวัญให้รักษา ท่านก็ทำน้ำมนต์รดให้ ปรากฏว่าชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “พระคุณเจ้า นี่มันเป็นคนเลว คิดจะเอาสมบัติชาติ ผมได้รับคำสั่งจากเจ้าที่ที่เฝ้าสมบัติให้ลงโทษมัน” หลวงพ่อขวัญท่านจึงกล่าวว่า “โยมเป็นใครล่ะ” ชายคนนั้นตอบว่า “ผมเป็นเทวดาที่เฝ้าสมบัติอยู่ขอรับ” หลวงพ่อขวัญถามว่า “โยม อาตมาต้องการช่วยเขา มีวิธีไหมเล่า” “ท่านต้องไปขอจากสมเด็จพระเจ้าเสือขอรับ” ชายที่ถูกสิงพูด “แล้วทำไงล่ะ” หลวงพ่อขวัญถาม ชายคนนั้นตอบว่า “นิมนต์พระคุณเจ้าเอาเจ้านี่ไปวัดโพธิ์ประทับช้างคืนนี้ก่อนสองยาม กระผมจะไปรายงานพระเจ้าเสือ ท่านต้องมาพบพระคุณเจ้าแน่ขอรับ” หลวงพ่อขวัญก็ตกลงและก็ให้ลูกหาบหามชายหาสมบัติไปรอที่วัดโพธิ์ประทับช้างส่วนวันนั้นทั้งวันหลวงพ่อขวัญท่านนั่งกรรมฐานโดยไม่ออกมาพบปะผู้คนเลย
พอโพล้เพล้ท่านก็เดินทางไปวัดโพธิ์ประทับช้าง ประมาณสองยามหลวงพ่อขวัญท่านก็นั่งบริกรรมคาถา แผ่เมตตาของท่านว่า “พุทโธ กรรมฐาโม กรรมจุติ สัมพุทธโธ” พอท่านว่าจบก็เกิดลมพัดใหญ่ สักพักก็พบชายร่างกายกำยำ สวมเสื้อผ้าไหมดิ้นทอง เดินมายกมือก้มกราบ “กระผมชื่อนายเดื่อ เจ้าของสมบัติ” (นายเดื่อ คือชื่อของพระเจ้าเสือที่ท่านเรียกตนเอง) หลวงพ่อขวัญท่านรู้แล้วว่าเป็นพระเจ้าเสือ จึงออกปากบิณฑบาตขออย่าให้พระเจ้าเสือทำร้ายชายคนนี้อีก พระเจ้าเสือท่านก็รับปาก แต่ท่านขอให้หลวงพ่อขวัญบอกชายคนนั้นให้สร้างพระอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน เพราะปัจจุบันท่านเป็นเพียงภูมิเทวดาธรรมดา หลวงพ่อขวัญ ก็รับปากจะบอกให้ พระเจ้าเสือจึงว่า “งั้นกระผมจะเอาสมบัติให้มันไปเป็นทุน สร้างพระอุทิศให้กระผม แต่พระคุณเจ้าจะต้องทายปริศนาก่อนว่า สมบัติกระผม อยู่ที่ไหน” “ก็แล้วสมบัติท่านอยู่ที่ใดเล่า” หลวงพ่อขวัญท่านถาม พระเจ้าเสือพูดว่า “สมบัติกระผมอยู่ที่ควายสองตัวหันหัวชนกันขอรับ” หลวงพ่อขวัญจึงตอบว่า “อาตมาภาพรู้แล้ว สมบัติอยู่ตรงต้นมะขวิดสองต้นที่หันหน้าชนกันหน้าอุโบสถ” พระเจ้าเสือจึงบอกว่า “ใช่ขอรับ” แล้วยกมือไหว้หลวงพ่อขวัญ แล้วพูดต่อว่า “กระผมขอลาไปก่อนและอย่าลืมบอกให้เจ้านั่นจัดการให้กระผมด้วยนะขอรับพระคุณเจ้า” แล้วดวงพระวิญญาณก็หายไป ชายคนนั้นก็หายจากอาการตัวบวม และเมื่อขุดหาตรงระหว่างต้นมะขวิดหันหน้าชนกันก็พบทองคำเท่าลูกบวบ กระโถนทอง ซึ่งข้างในมีเศษรกแห้ง หลวงพ่อขวัญจึงให้ชายคนนั้นเอาทองคำเท่าลูกบวบไปขาย แล้วให้เอาเงินไปสร้างพระถวายพระเจ้าเสือที่อยุธยา ส่วนกระโถนที่มีเศษรกแห้งมอบให้นายอำเภอ เพราะเป็นที่ใส่รกของพระเจ้าเสือเมื่อพระองค์ประสูติ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากหลวงพ่อขวัญ จากเหตุการณ์นี้ทำให้จังหวัดพิจิตรมีการสร้างศาลพระเจ้าเสือ และยกเสาหลักเมืองพิจิตรในเวลาต่อมา ส่วนชายคนนั้นนำเงินไปสร้างพระอุทิศให้พระเจ้าเสือที่วัดแถวอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3. โดดร่มไม่กางไม่ตาย
สิบเอกสมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ ตอนนั้นเป็นทหารอยู่ที่ลพบุรี เขามากราบขอบคุณหลวงพ่อขวัญ ซึ่งได้ช่วยชีวิตเขาไว้ โดยรายนี้เป็นพลร่มป่าหวาย ไปฝึกโดดร่มแล้วบังเอิญร่มขาดกลางอากาศร่วงลงมา ในตอนนั้นเขาใส่แหวนรุ่นหัวสิงห์หลวงพ่อขวัญอยู่ เขาจึงเชื่อว่าหลวงพ่อขวัญเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา ตอนนั้นเขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล กะโหลกเขายังไม่เต็ม ยังเห็นสมองเต้นตุบ ๆ ที่ศีรษะของเขาอยู่เลย
นางมาลัย ปัญญาพิมพ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/79 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก เล่าถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อขวัญว่า “เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2539 จ.ส.อ.สมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ อายุ 41 ปี สามีซึ่งเป็นทหารสังกัดกองทัพน้อยที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก ไปฝึกหลักสูตรเปลี่ยนแบบร่มที่ จังหวัดลพบุรี โดยขณะฝึกนั้นสามีโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน และเมื่อมาถึงระยะ 5,500 ฟิต สามีกระชากร่มแต่ร่มไม่กางออก แม้แต่ร่มช่วยก็ไม่ทำงาน ตอนนั้นสามีบอกความรู้สึกได้เพียงว่าคงไม่รอดแน่ เนื่องจากเป็นระยะที่สูงมาก จึงนึกถึงหลวงพ่อขวัญและคุณพ่อคุณแม่ โดยในตัวมีเพียงแหวนรุ่นหัวสิงห์ของหลวงพ่อขวัญเท่านั้น หลังจากนั้นก็เก็บคองอเข่าตามหลักสูตรที่เรียนมา เมื่อตกมาถึงพื้นก็หมดสติไป” นางมาลัยกล่าว
นางมาลัย กล่าวต่ออีกว่า “เพื่อนทหารช่วยกันนำสามีส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์บอกว่าให้ทำใจ เพราะโอกาสที่รอดมีน้อยมาก หรือหากรอดชีวิตก็มิสิทธิเป็นคนปัญญาอ่อน เพราะสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างหัก แต่หลังจากอยู่ในห้องไอซียูไม่ถึง 8 วัน สามีก็ฟื้นโดยอาการเหมือนคนไม่ได้เป็นอะไรเลย ซึ่งแพทย์ยังงง โดยเฉพาะแขนที่หักก่อนหน้านั้น เมื่อแพทย์จะผ่าตัดกลับพบว่าแขนไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป ทั้งนี้จากอุบัติเหตุดังกล่าว สามีนอนอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 23 วันเท่านั้น นางมาลัย ยังเล่าอีกว่า “หลังจากที่สามีหาย ได้สอบถามคนในครอบครัวจึงทราบว่า บิดาของตนไปขอร้องให้หลวงพ่อขวัญช่วย โดยเขียนชื่อที่อยู่จริงของโรงพยาบาลที่สามีนอนรักษา หลังจากนั้นจึงทราบว่าหลวงพ่อขวัญท่านได้นำชื่อมาเพ่งกระแสจิต จนทำให้อาการของสามีหายดีในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งข่าวดังกล่าวดังไปทั่วประเทศ โดยช่วงนั้นสามีของตนเองไปออกรายการทีวีหลายรายการ อย่างไรก็ตามนับแต่นั้นมา ตนและสามีจะไปเยี่ยมหลวงพ่อขวัญทุกอาทิตย์เป็นประจำตลอดมา และการจากไปของท่าน คงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกได้”
4. คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
หลวงพ่อขวัญ มีคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความพยายาม
เห็นได้จากตอนที่หลวงพ่อขวัญสอบนักธรรมโทครั้งแรกสอบตก แต่หลวงพ่อขวัญไม่ละความพยายามตั้งใจดูหนังสือไปสอบนักธรรมโทใหม่จนสอบได้ นอกจากนั้นหลวงพ่อขวัญยังมีความพยายามที่จะไปเรียนถึงแม้จะเรียนได้ไม่เต็มที่เพราะไม่มีพระอยู่ที่วัดบ้านนาเลย
2. เป็นผู้มีน้ำใจ
เห็นได้จากการที่หลวงพ่อขวัญชอบไปช่วยสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ มากมาย เช่น สร้างศาลา สร้างอุโบสถ กุฏิ วิหาร ห้องน้ำ ประปา ซุ้มประตูวัด ถ้าพอช่วยได้ท่านจะช่วยทันที ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังปัญญาหรือกำลังทรัพย์
ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมากราบไหว้
และบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อขวัญ
ที่มา : (โดยสุเทพ สอนทิม)
รูปปั้นของหลวงพ่อขวัญ
ที่มา : (โดยสุเทพ สอนทิม)
ไม่มีความเห็น