วันที่ ๒๒ พ.ย. ๕๓
๑๕.๑๕ – ๑๖.๓๐ น.
ปีนี้ดิฉันได้รับเกียรติให้มาเป็นผู้ดำเนินรายการที่ศาลาศิราณีด้วย หัวเรื่องที่เป็นประเด็นหลักของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในช่วงนี้ ได้แก่ “ความเชื่อมโยงระหว่าง KM, Strategy และPolicy” ศิราณีที่มาตอบคำถามในช่วงนี้คือ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์
คำถามที่มีผู้ถามมา คือ “ทำ KM แล้วได้อะไรคะ”
คุณหมอ ส. ตอบว่า ที่กรมอนามัย การจัดการความรู้นอกจากจะทำให้ได้นโยบายแล้ว KM ยังทำให้
- คนทำงานเป็น
- เรียนรู้เป็น (คนเก่งขึ้น)
- มีเนื้อความรู้ที่มีการเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบ
- ได้ความรู้ที่ตอบสนองยุทธศาสตร์
- มีวัฒนธรรมในการทำงานว่า “ทุกคนต้องเรียนรู้”
- KM ช่วยเสริมศักยภาพความเป็นมนุษย์
- มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณ
“จะทราบได้อย่างไรว่าคุณภาพของวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่จัดขึ้นมานั้นเป็นเช่นไร”
- ให้ดูว่าคนที่ออกจากวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วมีพลัง อยากทำงาน มีความรู้ไปใช้ในการทำงานหรือไม่
- การจัดวงแลกเปลี่ยนความรู้จะต้องทำอย่างประณีต เพราะการจัดการกับความรู้แฝงฝังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
- ความรู้แฝงฝัง (tacit knowledge) ในวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจะไหลเวียนได้เร็ว เมื่ออยากรู้อะไรก็ถามกันได้ตรงนั้นเลย และมักเป็นความรู้ที่อยู่กับตัวบุคคล เป็นเคล็ดลับความสำเร็จที่หาไม่ได้จากการอ่านเอกสาร ตำรา หรือคู่มือ
- คู่มือ มีไว้แปลงความคิดให้เป็นการปฏิบัติ เป็นสื่อให้เกิดการชวนกันคุยแล้วมาเรียนรู้ผลการปฏิบัติร่วมกัน
“อะไรคือ KPI ของการจัดการความรู้”
- ก่อนที่จะมี KPI เรามี KRA
- ธรรมชาติของตัวชี้วัด คือการเป็นตัวแทน
- มีหลายอย่างที่เราอยากจะวัดแต่วัดไม่ได้ จึงต้องกำหนดตัวชี้วัดตัวอื่นมาใช้แทน แต่ทำไปทำมาก็กลายเป็นว่าพอไม่มีตัวชี้วัดก็เลยไม่ทำ หรือทำเท่าที่ตัวชี้วัดมีอยู่เท่านั้น เป็นการทำงานเพื่อตอบตัวชี้วัดที่ตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทน
- Ideal indicator คือ เมื่อทำตัวนี้แล้วได้ตัวอื่น แต่โชคร้ายที่เราไม่มี
- การทำ KPI จึงเป็นการทำลายความสามารถในการวัดของคนไปโดยปริยาย
- หากอยากทราบว่าทำ KM แล้วประสบผลหรือไม่ ให้ดูว่าคนของเราทำงานยากได้ เพราะมีใจที่ไม่กลัวความยากลำบาก นั่นคือ ยากแค่ไหนก็เรียนรู้ได้