หลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้จบ
ผมเกิดความลังเลว่าจะเขียนบันทึกเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ดีมั้ย
เพราะตามความรู้สึกของผมเป็นหนังที่ดีมากๆ
ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ควรพลาด
เนื้อเรื่องของหนังเป็นเรื่องที่เสียดสีการใช้ชีวิตครอบครัวและการเลี้ยงลูกให้เห็นได้อย่างชัดเจนมากๆ
อีกในหนังยังแสดงให้เห็นถึงแนวทางการเลี้ยงลูกด้วยวิถีธรรมชาติ
และการมีความสุขในชีวิตครอบครัว สังคมและการงานได้อย่างสมดุล
สาเหตุที่ผมลังเลว่าจะเขียนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เพราะเกิดความละอายใจว่าเราจะสามารถปฏิบัติตามที่หนังได้นำเสนอไว้ได้มากน้อยแค่ไหน
แต่วันนี้ก็ได้ฤกษ์ตัดสินใจเขียนเสียที
จึงอยากจะนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ภาพจาก http://movie.mthai.com/movie-profile/new-movie/60265.html
เนื้อเรื่องโดยย่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนร่วมทีมบาสเก็ตบอลสมัยประถมเมื่อ
20 ปีก่อน กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
เพื่อพักผ่อนในวันหยุดพร้อมหน้าพร้อมตากันรวมทั้งครอบครัวของแต่ละคนด้วย
หนังได้เดินเรื่องไปกับปมของแต่ละคนที่ยังค้างคาแล้วค่อยๆแก้ออกมาจนจบลงอย่างสวยงาม
ถึงแม้จะเป็นหนังตลกแต่ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้สอนอะไรหลายๆ
อย่างเกี่ยวกับปรัชญาการดำเนินชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นการตามหาจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์ ที่ให้เราฉุกคิดว่า
เราหาเงินไปเพื่ออะไร วัตถุนิยม/บริโภคนิยมอย่างนั้นหรือ
สุดท้ายมันก็เป็นความสุขฉาบฉวยที่ไม่ยั่งยืน
บางครั้งถึงขั้นที่ต้องหลอกสังคมกระทั่งหลอกตัวเอง
เพื่อให้ดำรงสถานะที่เคยอยู่ เคยมี เคยเป็น จนเกิดความทุกข์
ภาพจาก http://movie.mthai.com/movie-profile/new-movie/60265.html
ถึงแม้การเดินเรื่องของหนังจะมีการให้เรากลับไปสู่แนวคิดธรรมชาติ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เราสุดโต่งไปกับการไม่ยี่หระต่อสังคม
แต่หนังพยายามสื่อให้เห็นว่าการจะทำอะไรก็ตามต้องเดินสายกลางให้เกิดความสมดุลทั้งชีวิตครอบครัว
การงาน และสังคม หรือการใช้ชวิตที่สุดโต่งเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุดโต่งทางสันโดษที่เคร่งศีลธรรมจนเกินไป
หรือสุดโต่งที่สนุกสุดเหวี่ยงจนเกินไปทั้งด้านสุรานารีบริโภคนิยม
สุดท้ายแล้วก็คือความสมดุลชีวิตที่ดีก็คือความไม่ยึดติดนั่นเอง
ภาพจาก http://movie.mthai.com/movie-profile/new-movie/60265.html
ผมประทับใจกับแนวทางการเลี้ยงลูกของพ่อในเรื่องที่เลี้ยงลูกด้วยการกระทำ
นำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น
ไม่เลี้ยงลูกด้วยวาจา พยายามให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้เห็นเอง
เลี้ยงลูกแบบคนธรรมดา
พยายามให้ได้ลูกเห็นว่าการที่จะเป็นคนมีความสุขได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนพิเศษ
ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่าง
สอนให้รู้จักแพ้ที่จะเป็น มองโลกอย่างสมุหภาพ (http://gotoknow.org/blog/attawutc/399096)
นึกถึงผลกระทบ ในภาพใหญ่ เห็นใจเขาใจเรา เช่น
ตอนสุดท้ายที่สอนให้ลูกได้รู้จักการแพ้
ทำให้ตัวเองก็ได้รับความสุขทางใจด้วย เพราะสิ่งที่เขาทำ
เป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นและครอบครัวอื่นมีความสุข
เราก็มีความสุขไปด้วย
ภาพจาก http://movie.mthai.com/movie-profile/new-movie/60265.html
การเลี้ยงลูกสไตล์นี้ทำให้ผมนึกถึงหนังสือของครูณา (อังคณา
มาสรังสรรค์) เล่มหนึ่งชื่อ “โรงเรียนพ่อแม่ลูก ตอน ผลัดใบชีวิต”
ที่เขียนเล่าเรื่องการเลี้ยงลูกออกมาจากประสบการณ์จริง ไม่ได้เป็นแนว
How to ที่เราจะต้องนำวิธีการกลยุทธ์ไปจัดการกับลูก
เธอใช้วิธีการสะท้อนอารมณ์ให้เห็น และเล่าเรื่องราวได้อย่างประทับใจ
สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านเพื่อนำไปสร้างแนวทางและปรับใช้กับการเลี้ยงของตัวเองตามบริบทที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี
ภาพจาก
http://www.busy-day.com/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81.html
บันทึกนี้เริ่มต้นจากหนังเรื่อง
“Grown ups ขาใหญ่ วัยกลับ” แต่มาจบลงที่หนังสือ “โรงเรียนพ่อแม่ลูก
ตอน ผลัดใบชีวิต” ทั้งสองอย่างนี้มีอะไรที่เชื่อมโยงกันอยู่
อยากให้ได้ไปสัมผัสกันครับ