ปัน ปัน ใน nkm5 (2)


nkm5 เทือกเขาปันปัน

ในห้องศิลานี ที่มีสองกูรู คือ ดร.ประพนธ์ และดร.วรภัทร เสวนากัน เรื่อง "ปัญหาของ KM ในหน่วยงาน ได้อรรถรสมาก ดร.วรภัทร ถือว่าเป็นผู้ที่ลึกซึ้งในศาสนา และการปฏิบัติจริง ได้ชี้ให้เห็นถึงข้ออ่อนด้อยของหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคราชการที่ผู้บริหารมีความเครียด มีความกดดันภายใต้งานและตัวชี้วัดต่างๆ ที่สุดแล้ว ก็เกิดจากระบบการศึกษาของไทยซึ่งอ่อนและล้มเหลว ในทุกระดับจนไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นแก้ไขที่จุดใด ดร.วรภัทร ได้ให้ข้อสติเตือนใจแก่ชาวมหาวิทยาลัยว่า มีอัตตาสูง มักเข้าใจว่า ตัวเองรู้ลึก รู้ไปหมด ทั้งๆ ที่ความรู้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และล้าสมัยไปแล้ว ศาสตร์ต่างๆ ขาดการบูรณาการ และระบบสอบคัดเลือก เป็นการตัดโอกาสคนเก่ง เนื่องจากมีทางเลือกไม่มากนอกจาก แพทย์กับวิศวะเท่านั้น การศึกษาที่สอนมุ่งเน้น เฉพาะเนื้อหาของตนทำให้ขาดการปฏิสัมพันธ์ จนกระทั่งไม่สามารถสร้างบริบทรอบข้างได้เลย อาจารย์ใช้คำพูดแรง เนื่องจากต้องการให้สติแก่สังคม หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่า อาจารย์พยายามให้สติ และผลักดันทิศทางของมหาวิทยาลัยในทางที่ถูกต้อง ประเด็นเรื่อง KM จะทำอย่างไร ให้ Inside ตามแนวคิดของดร.ประพนธ์นั้น ยังต้องช่วยกันอย่างเข้มแข็งต่อไป

หมายเลขบันทึก: 410226เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2010 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

อาจารย์ใช้คำพูดรุนแรงค่ะ  จริง ๆค่ะเห็นด้วยเลย  ใครมีเงินส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ แล้วกลับมาพัฒนาประเทศไทย

แต่โดยเฉลี่ยจะมีสักกี่ครอบครัวที่จะมีศักยภาพสูงในการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ  แลจะให้ดีต้องส่งไปตั้งแต่ระดับพื้นฐาน

ตอนนี้การศึกษาไทย (ระบบขั้นพื้นฐาน) กำลังเล่นเกมสนุกอะไรไม่ทราบค่ะ เกี่ยวกับการยกระดับมาตรฐานครู e training  มีผู้รับจ้างสอบและเรียนแทนกัน

ครูบางคนบ้านอยู่ตำบล ไม่มีสัญญาณลงทุนซื้อแอร์การ์ดและโน้ตบ๊ค  เพื่อไปใช้กับงานนี้

คุณครูหลายคนบ่นว่า "วัน ๆ ไม่ต้องสอน เพราะต้องไปนั่งรอคิวกันที่ห้องคอมฯ"

น่าสงสารประเทศไทยนะคะ

ดร.วรภัทร แสดงความเห็นต่อการแพทย์แผนปัจจุบันด้วยความจริงเพียงบางส่วน ซึ่งผมออกจะกังวล เพราะคุณวรภัทรมีความน่าเชื่อถือ เป็นความจริงที่ว่าการแพทย์แผนปัจจุบันอาจจะมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อน แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า การแพทย์แผนปัจจุบันมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพ (อาจจะไม่ต่างจากแผนอื่น) การป้องกันโรค (ซึ่งชัดเจนจากการมีวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ทำให้โรคติดต่อน้อยลงมาก) การรักษา (ทำให้บางโรคหายไปจากโลกเช่นไข้ทรพิษ การผ่าตัด การรักษาการบาดเจ็บ ซึ่งไม่มีการรักษาแบบอื่นที่จะดีเท่า เช่นเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าไม่ผ่าตัดก็จะตายเกือบทุกราย หรือเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย ในยุคก่อนมียาปฏิชีวนะ จะตายทุกราย เป็นต้น) การฟื้นฟูสภาพ

ดังนั้นการจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อบางสิ่ง ก็เป็นสิ่งอันตรายเช่นกัน ผู้มีปัญญาพึงแสวงประโยชน์จากทุกสิ่งครับ

คุณคิม

เข้าใจว่า ดร.วรภัทร ต้องการจะกระตุกแนวคิดแบบแรงๆๆ แก่ชาวอุดมศึกษาให้หวนกลับมาคิดทบทวนบทบาทของตนเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่ง อาจารย์ยืนยันว่าจะใช้วิธีนี้ต่อไปจนกว่าจะมีผู้มารับตำแหน่งแทน

คุณสาโรจน์

ที่สุดแล้ววิถีตะวันออก กับวิถีตะวันตก น่าจะลปรร เพื่อให้ชาวโลกปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนะเอง ทางสายกลางน่าจะดีที่สุด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท