คนทาง "วิชาการ..."


วิวาทะที่สกัดออกมาของท่าน โสภณ เปียสนิท จากบันทึก ทำดี ธรรมดี...  ถึงแม้จะสั้นแต่สามารถต่อยอดได้อย่างลึกซึ้ง...

คิดบวกน้อยคิดลบมาก ข้าพเจ้าขอคิดต่อดังนี้

คนเราในปัจจุบันน่าจะมีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น

คิดบวกน้อย คิดลบมาก และ "ทำลบมาก" ประการที่หนึ่ง

คิดลบน้อย คิดบวกมาก แต่สุดท้ายก็ไปทำลบเหมือนเดิม นี้ประการที่สอง

คิดทั้งลบ คิดทั้งบวก บางครั้งไม่คิดอะไร แต่ก็ทำลบเหมือนเดิม ทำใคร ๆ เขาก็ทำกัน นี้ประการที่สาม

คิดทั้งบวก คิดทั้งลบ บางครั้งคิดอะไรไม่ออก แต่มีหน้าที่ทำบวกก็ทำ ๆ ไป นี้ประการที่สี่

แต่ถ้าคิดไปคิดมา ก็อาจจะมีบุคคลอีกหลายจำพวกแยกย่อยออกไป แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญก็คือ "การกระทำของคนนั้นเป็นอย่างไร..."

ในปัจจุบัน เรา (นักวิชาการ) ส่งเสริมให้คนคิดบวก บอกพวกเรากันเอง (นักวิชาการ) ให้คิดบวก แต่คำถามที่สำคัญก็คือ "เราทำอะไรบวก ๆ หรือไม่...?"

นักวิชาการเป็นนักคิด คิดบวกแล้ว ต้องทำบวกด้วย

ถ้าคิดบวก ไปบอกให้คนอื่นทำบวก แต่การดำเนินชีวิตของตนเอง (นักวิชาการ) ยังทำลบ คือมือถือสาก ปากถือศีล อันนี้เสียชาติเกิดที่กำเนิดมาเป็น "นักวิชาการ..."

เอานะ... สรุปสั้น ๆ ว่า

คิดบวกดี แต่ถ้าจะดียิ่งกว่าคือ ต้องทำบวกด้วย

คิดลบ คิดเลว คิดชั่วช้าอย่างไง แต่สุดท้ายหักห้ามใจไว้ที่ความคิด ให้ติดอยู่ในใจ ครั้นเมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ "การกระทำ" ขอให้ทำความดี และ "เสียสละ"

นักวิชาการที่ทำจริง ทำดีจริง เสียสละจริง จะไม่เป็นแค่ "เสือกระดาษ"

เสือกระดาษคือคนเขียนดี พูดดี แต่ทำไม่ได้เรื่อง หรือมีเรื่องแต่ไม่ได้ทำ

เสือตัวจริงอยู่ในป่า เดินไปเดินมา ใคร ๆ เขาก็กลัว

เสือกระดาษนั่งตากแอร์อยู่ในห้อง จิตใจเศร้าหมองเพื่อไม่ได้ลงมือกระทำ

นักวิชาการควรจะเป็นเสือตัวจริงได้แล้ว

เสือตัวจริงไม่ใช่เสือในสวนสัตว์ที่ลงไปทำวิจัยเป็น Case study หรือกรณีศึกษา แล้วได้มาซึ่งตำแหน่งและผลงานทางวิชาการ

เสือตัวจริงเขาดำรงชีวิตด้วยการหากินอยู่ในป่า ฝากชีวิตไว้กับป่า

เสือในสวนสัตว์ต้องรอให้คนอื่นหยิบยื่นอาหารให้กิน

อาหารของนักวิชาการถ้าอยู่ในสวนสัตว์ก็ได้แก่ งบวิจัย เงินเดือน หรือตำแหน่งทางวิชาการ

แต่อาหารของนักวิชาการที่อยู่ในป่าคือ ความสุขใจ ความอิ่มใจที่ได้ทำความดี ความปิติที่เกิดจากความเสียสละ

ความอิ่มใจ นั้นอิ่มท้องไหม อยากรู้ต้องลองไปทำดู

ถ้ากล้า ๆ กลัว ๆ "กลัวอดตาย" จะทุ่มเทกายและใจลงไป กลัวลำบาก ก็ขอให้อยู่แต่ในสำนักงาน ว่าง ๆ ค่อยลงไปทำ Case study มีเงินเดือนกิน ได้ยศ ได้ตำแหน่ง สุดท้ายก็เกษียณและจากโลกนี้ไปอย่างไม่ค่อยมีใครจะเหลียวแล

เกิดมาเป็นคนอย่ามัวแต่เห็นแต่ปากแต่ท้อง เห็นแก่อยู่แก่กิน

ถ้าทำดีจะอดตายไป ต้องลองดู หรือถ้าจะตายเพราะทำความดีก็สมแล้วที่ได้เกิดมาเป็น "คน" คนทาง "วิชาการ..."

คำสำคัญ (Tags): #นักวิชาการ
หมายเลขบันทึก: 409022เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2010 17:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • คุณยายแวะมาหาความรู้ก่อนนอนค่ะ
  • คิดบวกไว้ก่อนว่า คิดดี ทำดี ต้องได้ดีแน่นอน ถึงแม้คนอื่นไม่เห็น แต่เราเห็นเองและรู้สึกได้ด้วยนะคะ

คนในปัจจุบันมองดูกายของตนเองมาก แต่ดูจิตใจของตนเองน้อย

ส่องกระจกทุกวันก็เห็นแต่ธาตุแต่ขันธ์ แต่ลืมมองไปลึกลงไปอีกสักหน่อยว่า วันนี้เราเป็นใคร เราเกิดมาเพื่ออะไร หรือในเฉพาะสถานการณ์เบื้องหน้า "สังคมนี้สมมติให้เราเป็นใคร...?"

หน้าเราเตือนตนเอง พิจารณาตนเองอยู่เสมอว่า "เราเป็นใคร" เราจะไม่ลืมหน้าที่ของตนเอง

เมื่อเราไม่หลง ไม่ลืมหน้าที่ของตนเอง สภาพของสังคมที่มีการแบ่งคนออกไปตามแต่ละฝ่าย แต่ละหน้าที่นั้นก็จะ "สมดุล" หรือ "สมบูรณ์" ตามโครงสร้างหน้าที่ที่ได้แบ่งกันไว้แล้วนั้น

คนเป็นพ่อก็เป็นพ่อที่ดี เป็นแม่ก็เป็นแม่ที่ดี เป็นลูกก็เป็นลูกที่ดี เป็นครูก็เป็นครูที่ดี เป็นข้าราชการก็เป็นข้าราชการที่ดี เป็นหมอก็เป็นหมอที่ดี เป็นตำรวจก็เป็นตำรวจที่ดี ใครทำหน้าที่อะไร ณ เวลาไหน ก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ "ดี..."

เพียงแค่ทุกคนสำนึกรู้ว่าเราเป็นใคร หน้าที่ของเราคืออะไร สังคมนี้ไซร้ย่อม "สมบูรณ์..."

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท