ปลายปี ๒๕๒๔ รศ. นพ. อติเรก ณ ถลาง มาเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มอ. ครบ ๒ ปี ตามที่ยืมตัวมาจากคณะแพทย์ จุฬาฯ เราอยากให้ท่านอยู่ต่อ แต่ท่านไม่สามารถอยู่ต่อได้ด้วยเหตุผลทางครอบครัว มีการสรรหากันว่าใครควรเข้ามาทำหน้าที่นี้ รศ. นพ. จงดี สุขถมยา ที่ทำหน้าที่รองคณบดีอาวุโส ไม่ยอมรับ ผมเป็นรองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาและเคยเป็นรองอธิการบดีมาก่อน ได้ชื่อว่ามีประสบการณ์
พวกอาจารย์นัดไปประชุมกันที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ (ตอนนั้นโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ยังสร้างไม่เสร็จ) ว่ามีใครบ้างที่เหมาะสมต่อหน้าที่นี้ มีคนพูดถึงผม แต่ผมมีชื่อเสีย (ไม่มี ง งู) ในหมู่อาจารย์คณะแพทย์ เพราะตอนเป็นรองอธิการบดีผมไม่เอื้อเฟื้อให้สิทธิพิเศษแก่อาจารย์คณะแพทย์ ศ. นพ. ธาดา ยิบอินซอย ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในที่ประชุม ถามภรรยาผมซึ่งอยู่ในที่ประชุมว่า "วิจารณ์เป็นได้ไหม" หมออมราซึ่งเครียดในบรรยากาศที่มีคนคอยเสียดสีสามี ตอบว่าเป็นได้ แต่เขาไม่ได้อยากเป็น จึงไม่เคยหาเสียงกับใครเลย
มีคนมาหาผมที่สำนักงานภาควิชาพยาธิวิทยา ซึ่งขณะนั้นอาศัยอยู่ที่ใต้ถุนคณะวิศวะ ถามว่าผมมีนโยบายจะแถลงไหม และถามว่าถ้าเลือกเป็นคณบดีจะมีทีมงานเป็นใครบ้าง ผมตอบว่าผมไม่แถลงนโยบาย และไม่หาเสียง เพราะผมไม่คิดว่าการทำหน้าที่คณบดีเป็นการเข้าดำรงตำแหน่งเพื่อชื่อเสียงตนเอง แต่คิดว่าเป็นการยอมเข้าไปรับใช้คณะ เป็นการยอมลำบากยอมเหนื่อยเพื่อทำงานให้ส่วนรวม ดังนั้นผมไม่แสวงหาตำแหน่งนี้ ที่ไม่แถลงนโยบายก็เพราะถ้าแถลงก็จะเป็นการหาเสียง ส่วนทีมงานผมยังไม่มีอยู่ในใจ แต่ถ้าต้องทำหน้าที่คณบดีก็จะหาเอาจากอาจารย์ที่มีอยู่นี่แหละ ข้อสำคัญคือผมไปขอร้องใครก็อย่าปฏิเสธก็แล้วกัน
แล้วในที่สุดสภามหาวิทยาลัยก็มีมติให้ผมเป็นคณบดี อธิการบดีคือ รศ. นพ. ทองจันทร์ หงศ์ลดารมภ์ บอกว่าภารกิจสำคัญที่สุดคือให้เปิดโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด และจัดระบบบริหารงานของโรงพยาบาลให้มั่นคง
วิจารณ์ พานิช
๑ กค. ๔๙
พัทยา
ไม่มีความเห็น