เล็งผุด2โรงไฟฟ้า"ท่าศาลา-หัวไทร"
http://www.komchadluek.net/detail/20101005/75307/75307.html
คมชัดลึก : กฟผ.เล็งผุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่งที่นครศรีธรรมราช เผยอยู่ระหว่างรับฟังความเห็นใน อ.ท่าศาลาและหัวไทร ยันหากคนในพื้นที่ไม่ยอมรับก็ไม่เดินหน้า
นายสุมิต วงศ์แสงจันทร์ ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.มีแผนจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 โดยแผนนี้จะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด 11 โรง เป็นโรงไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์ สร้างในพื้นที่ติดทะเลส่วนใหญ่เป็นทางภาคใต้ เพราะต้องนำเข้าถ่านหิน แต่ละโครงการอาจจะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท
"ขณะนี้เรากำลังทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ อ.ท่าศาลา และ อ.หัวไทร ซึ่งมีศักยภาพเหมาะแก่การสร้างโรงไฟฟ้าและนำเข้าถ่านหิน โดยเราพยายามที่จะทำความเข้าใจว่าหากมีโรงไฟฟ้าแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร จะพูดในข้อเท็จจริงทั้งหมด ให้ความรู้ประชาชนโดยสามารถซักถามได้ ไม่มีสิ่งใดปกปิด หากประชาชนเห็นด้วยขั้นตอนต่อไปคือ การประกาศหาพื้นที่ และเราจะไม่ดำเนินการใดๆ หากคนในพื้นที่ไม่ยอมรับ" นายสุมิตกล่าว
นางวาณิช พันธ์พิพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในพื้นที่ที่เห็นควรว่าจะมีโรงไฟฟ้าได้ในนครศรีธรรมราชคือ อ.หัวไทร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำประกอบกับพื้นที่มีความเสื่อมโทรมจากการทำนากุ้งมาก การพัฒนาในเรื่องของโรงไฟฟ้าเหมาะกว่า เพราะง่ายต่อการจัดการ ส่วน อ.ท่าศาลา ไม่มีความเหมาะสมในหลายมิติ อย่างไรก็ตาม หากมีโรงไฟฟ้าขึ้นจะต้องมีการดูแลชุมชนโดยรอบ รวมทั้งระบบจัดการมลภาวะต่างๆ และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่ขึ้นเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง
ด้านนายทรงวุฒิ พัฒแก้ว แกนนำกลุ่มศึกษาผลกระทบนโยบายสาธารณะ กล่าวว่า ในแผนจัดการไฟฟ้า แผนนี้ไม่ได้กำหนดมาจากประชาชนตั้งแต่ต้น เป็นการแปลงแผนมาจากแผน 2007 มีการจัดทำอย่างหมกเม็ด ขาดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายทำกันขึ้น
"ผมคิดว่าไม่มีการวิเคราะห์ปริมาณการใช้อย่างแท้จริง ข้อเท็จจริงคือ 70% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่โรงงานธุรกิจอุตสาหกรรม อีก 30% คือประชาชนใช้ การอ้างในแผนนี้อยู่ในความไม่พอที่ 70% เป็นเรื่องของธุรกิจอุสาหกรรมต่างๆ ประชาชนมีสัดส่วนที่น้อยมาก ดังนั้น หากจะตั้งนิคมที่ไหนก็ให้โรงไฟฟ้าไปอยู่ในนั้นจะดีกว่า" นายทรงวุฒิกล่าว
สงสัยค่ะว่าทำไมไม่ส่งเสริมกังหันลม..ที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานทำโครงการสาธิตซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ปีละ1.8ล้านหน่วย คิดเป็นค่ากระแสไฟฟ้า10ล้านบาท/ปี..(จากhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=606938)แล้วบ้านเราก็จะได้มีแหล่งท่องเที่ยวด้วย
ก็เขาจะเอา ถ่านหินไง