1. ไม่ทำ เพราะ รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี หรือทำ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดี จริยธรรมแบบนี้จะฝังอยู่ในจิตใจ ทำให้เกิดการควบคุมจากภายใน รู้จักอดทนต่อสิ่งเย้ายวน ทำให้ประพฤติตนอยู่ในกรอบของจริยธรรมอันดีงาม
2. ไม่ทำ เพราะ ทำแล้วผิดกฎหมาย อาจถูกลงโทษ หรือทำผิดแล้วอาจตำหนิ หรือ ทำ เพราะเป็นกฏเกณฑ์ที่วางไว้ หรือมีกฏหมายบังคับอยู่ จริยธรรมแบบนี้เกิดจากการควบคมภายนอก การละเมิดจริยธรรมอันดีงามเกิดได้ง่ายกว่าแบบแรก
ในมนุษย์เราจะมีจริยธรรมทั้ง 2 แบบ พัฒนาพร้อมๆกันอยู่ตลอดเวลา ผสมผสานเข้าไปอยู่ในมโนธรรมของเด็ก และติดตัวไปเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพในอนาคต
สำหรับจริยธรรมพื้นฐาน สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนาเด็กเชิงจริยธรรม โดยผ่านสถาบันทางสังคม มี 4 ประการ ดังนี้
1. การรักความจริง ไม่พูดปดฉ้อฉล รักษาคำมั่นสัญญา กล้าที่จะยอมรับความจริง และมีความละอาย ใจที่จะนำความไม่จริงไปสู่ผู้อื่น
2. การไม่เบียดเบียนกัน รักษาสิทธิและความชอบธรรมของผู้อื่น โดยมีความรัก และความเมตตาเป็นฐาน
3. ความละอาย มีความละอายใจต่อการกระทำความผิดหรือความชั่วใดๆ
4. ความรู้จักพอ ไม่โลภไม่หลง จัดการชีวิตของตนโดยสันโดษ
เด็กปฐมวัยอยู่ในช่วงของพัฒนาการทางจริยธรรมในขั้นยึดคำสั่ง กล่าวคือ ในช่วงอายุ ระหว่าง 2 - 8 ปี เด็กจะมีความเกรงกลัวผู้ใหญ่และต้องทำตาม ความนึกคิด ถูก ผิด ชั่วดี นั้นเด็กยังคิดเห็นด้วยตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยให้คำชี้แจงแนะนำ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ การทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้เด็กเลียนแบบ จะได้ผลประทับใจเด็กโดยไม่รู้สึกตัว
จาก เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ ครั้งที่ 49 เรือง การศึกษาปฐมวัย : หลากหลายมิติการพัฒนา หน้า 18 สมาคมการศึกาสำหรับเด็กนานาชาติ สาขาประเทศไทย
วันที่ 11 -13 ตุลาคม 2553 ณ. โรงเรียนราชวินิต กทม.
จริยธรรม ต้องปลูกฝังกันอย่างจริงจังตั้งแต่เด็กถึงจะเป็นผล ใช่เลยครับ