เมืองแม่ เมืองหมา โดย วาณิช จรุงกิจอนันต์


“ยูแฮฟทูซีอิททูบีลีฟอิท"

ผมเห็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ เป็นภาพของรถสิบล้อคันหนึ่งซึ่งบรรทุกหมาเจ็ดร้อยตัว รถสิบล้อหนึ่งคันบรรทุกหมาเจ็ดร้อยตัวได้อย่างไร “ยูแฮฟทูซีอิททูบีลิฟอิท” ครับ ต้องได้เห็นถึงจะเชื่อ ส่วนบรรทุกของรถนั้นทั้งหมดทุกส่วนเขาทำเป็นชั้นๆ กั้นด้วยตาข่ายไว้ทั้งหมดเจ็ดชั้น แต่ละชั้นมีความสูงพอให้หมาหมอบได้

เจ็ดชั้นก็เจ็ดร้อย ขนาดหมานั้นไม่ใช่ขนาดอัลเซเชี่ยนลา-บราดอร์หรือร็อตไวเลอร์เป็นหมาไทย พันทาง “เธาซันด์เวย์” แบบที่เห็นตามตรอกตามซอยทั่วไปในบ้านเรา และเจ็ดร้อยชีวิตนั่นไปจากบ้านเรา

คือคำบรรยายภาพบอกว่า รถบรรทุกสิบล้อนั้นเป็นรถจากเวียดนาม ภาพที่ถ่ายนี้ถ่ายในลาว หมาเจ็ดร้อยตัวนั้นเชื่อว่า หรือเชื่อได้เลยว่าเป็นหมาจากเมืองไทย การขนส่งหมาอย่างที่เห็นในภาพนั้น ส่งกันอาทิตย์ละสองครั้ง

เจ็ดร้อยชีวิตนั่นคงไม่ได้ส่งไปเวียดนามเพื่อการอุปถัมภ์ เลี้ยงดูเป็นเพื่อนสัตว์เลี้ยงหรือหมาเฝ้าบ้าน แต่จะไปเป็นหมาพะโล้ หรือนึ่งอบตุ๋นเป็นอาหารอะไรชนิดไหนก็ตามแต่จะมีในรายการอาหาร

ขนส่งหมาอย่างนี้อาทิตย์ละสองครั้ง หนึ่งอาทิตย์ก็หนึ่งพันสี่ร้อยตัว หนึ่งเดือนก็ห้าพันหกร้อยตัว หนึ่งปีก็หกหมื่นเจ็ดพันสองร้อยตัว หมาจำนวนมหึมาขนาดนี้ไม่มีบ้านอื่นเมืองไหนมีให้ขนหรอกครับ นอกจากบ้านเราซึ่งอยู่ในฐานะที่เราเรียกได้ว่าเป็นเมืองแม่และเมืองหมา เรียกว่าเมืองหมา อย่างหนึ่งเพราะผมไม่เคยเห็นบ้านไหนเมืองไหนเขามีหมาข้างถนนมากหรือเหมือน อย่างบ้านเรา

แค่ซอยบ้านผมซอยเดียวก็กว่าห้าสิบตัวแล้วครับ จับกลุ่มกันอยู่สามฝูง คือปากซอย ท้ายซอยและกลางซอย กลางซอยนี่อยู่แถวบ้านผม แค่ฝูงนี้ฝูงเดียวก็เกือบๆ ยี่สิบตัวเข้าไปแล้ว วันดีคืนดีก็มีใครจากซอยไหนก็ไม่รู้ ขนลูกหมามาปล่อยรวมฝูงอีกห้าหกตัว คงจะเห็นว่าหมาฝูงนี้ได้รับการดูแลดี เพราะนอกจากเพื่อนบ้านผมจะส่งอาหารให้แล้ว ก็ยังมีคู่ผัวเมียจากซอยไหนไม่รู้อีกเหมือนกัน ขับรถกระบะตระเวนเอาข้าวมาเลี้ยงหมาพวกนี้ มาเกือบทุกวัน

สองคนผัวเมียคู่นี้  ถ้าเห็นรถขนหมาที่ผมพูดถึงคงจะเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ไม่ก็คงจะร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเพราะความสงสารหมา

เป็นอย่างนี้ปัญหาเรื่องหมาข้างถนนหรือหมาจรจัดในเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน กทม. ก็แก้ไม่ตก นับวันมีแต่จะทวีจำนวนมากขึ้นและมากขึ้น พยายามกันหลายทางหลายวิธีแล้ว  แต่ไม่เคยมีวิธีไหนแก้ปัญหาได้เลย จะแก้ได้ก็คราวนี้แหละครับ คือจับเป็นสินค้าส่งออกไปเวียดนาม

ผมก็เป็นคนรักหมาอยู่นะครับ แต่ต้องบอกว่าความรักนี้อยู่พอประมาณ ตั้งแต่มีบ้านของตัวเองก็เลี้ยงหมามาโดยตลอด แต่เลี้ยงก็เลี้ยงแบบเลี้ยงเป็นหมานะครับ ไม่ได้เลี้ยงเป็นลูก เพื่อนๆ ผมจำนวนมาก นับรวมเมียผมไปด้วย เลี้ยงหมาเหมือนว่าหมาเป็นลูก

เพื่อนผมคนหนึ่งเรียกหมาที่เลี้ยงว่าลูกทุกคำ เป็นหมาไทยหลังอานตัวเมีย ซึ่งทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยไม่น่ารักสำหรับผม แต่หมานะครับ หมาใครหมามัน คนเราฆ่ากันตายเพราะหมาฉันหมาเธอนี้มาเยอะแล้ว

ผมเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ ตอนนั้นเลี้ยงหมาไทยหลังอานอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อว่า เมฆเมฆินทร์ เพื่อไม่ให้ฟังเป็นคนมากเกินไป ก็เรียกว่า ไอ้เมฆ… หมาที่เลี้ยงนี่ถ้าหากว่าเป็นหมาไทย ผมตั้งชื่อเป็นภาษาไทยเต็มยศ  มี เกียรติศักดิ์ พักตรพริ้ง สองขวัญ ปลอดประสบ อีกตัวหนึ่งชื่อ เขียวสัมพันธ์ เพราะตัวมันสีเขียว ชื่อไทยนะครับ แม้จะเหมือนชื่อผู้นำเขมรแดงคนหนึ่ง ไอ้ปลอด หรือ ปลอดประสบ นั้นได้ชื่อเพราะตัวดำปลอดทั้งตัว

วันหนึ่งไอ้เมฆก็ไปกัดกันกับหมาเพื่อนบ้าน หมาไทยหลังอานด้วยกัน ตัวพอฟัดพอเหวี่ยงกัน หมากัดกันนี่ปู่ย่าตายายสอนมาว่าอย่าเอาส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเราเข้าไป ยุ่ง แม้ว่าหมาที่กัดกันนั้นจะเป็นหมาเชื่องๆ ที่เราเลี้ยงมาด้วยกันก็ตาม เพราะตอนกัดกันนั้น หมามันไม่รู้ว่าใครเป็นหมา ใครเป็นคน มันกัดดะ เขาให้ใช้น้ำสาด ใช้น้ำสาดไม่ได้ผลก็ให้ใช้ไม้ท่อนยาวๆ งัดแยกมันออกจากกัน

ผมกับเพื่อนบ้านก็พยายามแยกหมาที่กัดกันอยู่ด้วยการใช้ไม้ ผมพยายามสอดไม้เข้าไปงัดตัวมัน เพื่อนบ้านพยายามตี ตีอย่างแรงและตีไอ้เมฆของผมอยู่ตัวเดียว ไม่ตีหมาตัวเองเลย ไอ้เมฆโดนตีเป็นสิบที ผมก็เลือดขึ้นหน้าซีครับ บอกว่าถ้าไม่หยุดตีหมาผม ผมจะตีคุณ ไม่ได้พูดจามองหน้ากันอีกเลยครับ ตั้งแต่นั้น

ผมเหมือนคนไทยทั่วไป คือไม่ว่าจะรักหมาหรือไม่รักหมาก็ไม่เคยคิดอยากจะกินเนื้อหมา คนไทยเราไม่เคยมองหมาว่ามันเป็นอาหารแบบเดียวกับที่มองหมู นอกจากจะไม่กินแล้วก็ยังรังเกียจคนที่กินเนื้อหมา เจอใครฆ่าหมาเป็นต้องแจ้งตำรวจ ข้อหาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพราะว่าไปหมูหมาวัวควายไก่เป็ดก็ไม่น่าจะต่างกันตรงไหน

สมัยผมเข้ากรุงเทพฯใหม่ๆ นั้น เคยมีข่าวใหญ่ลงหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน คือตำรวจไปจับโรงงานเชือดหมา เอาเนื้อหมาไปทำลูกชิ้น ทำเอาลูกชิ้นซึ่งทำจากเนื้อวัวซบเซาไปพักใหญ่ เพราะคนซื้อคนกินกลัวว่าจะเป็นลูกชิ้นเนื้อหมา ตอนนั้นยังไม่มีลูกชิ้นเนื้อหมู

แต่เขาว่าลูกชิ้นเนื้อหมาอร่อยกว่าลูกชิ้นเนื้อวัวนะครับ ซึ่งผมไม่ได้แปลกใจ มีใครคิดทำลูกชิ้นเนื้อหมาส่งออกไปขายประเทศเวียดนามได้ตอนนี้ ผมว่ารวยแน่ๆ ก็ให้รวยกันไปตามสะดวกเถอะครับ ผมไม่เอาด้วย

ถ้าจะมีใครคิดจะทำลูกชิ้นเนื้อหมาในกรุงเทพฯ นี่ วัตถุดิบมีเหลือเฟือนะครับ แค่ซอยบ้านผมบ้านเดียวก็ห้าสิบกว่าตัวแล้ว มาเอาไปได้ครับ กฎหมายคงจะไม่ได้ห้าม ผมเองก็ไม่ได้หวง แต่…ซอยบ้านผมนี่ไม่ได้มีผมคนเดียวนะครับ แต่คนอีกครึ่งซอยเขาหวง เขาเลี้ยง เขารัก เขาดูแลอยู่ มาจับให้เห็นนี่  มีคนแจ้งตำรวจแน่ แม้จะไม่รู้ว่าแจ้งด้วยข้อหาอะไรก็ตาม

ผมกินเนื้อสัตว์ได้ทุกประเภท แต่เลือกที่จะไม่กินอยู่บ้างบางประเภท  เนื้อหมาเป็นประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกุ๊กไหนเหลาไหนทำแล้วบอกว่าอร่อยเหลือเกิน ผมก็จะไม่มีวันกินแล้วรู้สึกว่าอร่อย อะไรที่ตะขิดตะขวงใจที่จะกิน จะไม่มีวันเป็นของที่กินแล้วอร่อยสำหรับผม

ตัวเหี้ย แย้ ตะกวด จระเข้ อึ่งอ่าง อะไรพวกนี้ผมกินได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่มันจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ไม่ใช่นักกินนักชิม ไม่ใช่นักลองกิน ไม่ใช่นักแสวงหาสัตว์หายากมากิน แล้วก็ไม่ได้อดอยากปากแห้ง

คงจะเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยก็ว่าได้  ที่จะให้คนไทยทั่วไปกินเนื้อหมา โดยเฉพาะกินได้อย่างอร่อยมากๆ แบบคนเวียดนาม  หรืออย่างน้อยกินได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ สำหรับคนไทยบางคนนั้นให้กินเนื้อหมาก็คงเหมือนถูกบังคับให้กินเนื้อคน และบางคนอาจจะรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้กินเนื้อลูกตัวเอง

อย่างที่บอก เพื่อนผมคนหนึ่งเรียกหมาที่เลี้ยงว่าลูกทุกคำ ผมไม่มีวันคิดว่าหมาตัวไหนเป็นลูกผมหรอกครับ  แต่บางทีเหมือนกันที่เห็นมันแล้ว มีความรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นลูกเพื่อน

สำหรับคนไทยจำนวนมากนั้นหมา ไม่ได้เป็นแค่หมา หรือเป็นแค่สัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง มีความหมายมากกว่านั้นมาก อาจจะเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนลูกหลาน เหมือนข้าเก่าเต่าเลี้ยงผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ทั้งหมด นี้โดยนัยยะและความรู้สึกเหมือนว่าหมานั้นเป็นคน ไม่มีสัตว์เลี้ยงชนิดที่ทำให้คนรู้สึกได้ว่าเป็นคนเหมือนตนเท่ากับหมาหรอก ครับ หมาที่ฉลาดและแสนรู้นั้นพูดกันรู้เรื่องแบบที่ยากจะนึกถึงว่าเป็นไปได้

เรื่องนี้หมาฝรั่งนั้นเป็นเลิศ แม้แต่หมาฝรั่งที่บ้านผมเองซึ่งเลี้ยงอยู่ตอนนี้ สั่งนั่งสั่งนอนสั่งเข้าบ้านเข้ากรงได้หมด นี่ขนาดไม่ได้จบมหาวิทยาลัย ไม่เคยเข้าโรงเรียนนะครับ พูดกันรู้เรื่องขนาดนี้แล้วจะกินกันลงได้อย่างไร

สำหรับหมาข้างถนนหรือหมาจรจัดในบ้านเรา อย่างหมาในซอยบ้านผม มันก็ฉลาดและรู้ตามที่ควรจะรู้นะครับ เด็กทำงานบ้านของบ้านผมนั้นปรุงอาหารให้มันกินอยู่เป็นครั้งคราว เวลาเดินผ่านบ้านมันก็มาเมียงๆ มอง ๆ หา ประตูใหญ่หน้าบ้านเปิด หลายตัวก็มารอๆ อยากเข้ามาในบ้านแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาเต็มตัว รีๆรอๆ เหมือนจะรอให้เรียกเชิญ

สำหรับหมาข้างถนนในเมืองไทยนั้น ส่วนหนึ่งนับว่าเป็นพาหนะเลยนะครับ เป็นพาหนะที่จะนำคนไปสู่ความสุข เหมือนอย่างสองคนผัวเมียที่ขับรถนำข้าวนำอาหารมาเลี้ยงหมาในซอยบ้านผมนั่น จะมากันจากซอยไหนไม่รู้ รู้แน่ๆ ว่าทั้งสองคนมีความสุขที่ได้นำข้าวมาเลี้ยงหมา ลงทุนนิดหน่อย แต่ผมว่าคุ้มนะครับกับความสุขที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับ นี่ยังไม่นับความรู้สึกที่ได้ทำบุญ และเผลอๆ ตายไปแล้วจะได้ไปสวรรค์

 


แหล่งที่มา: ข่าวมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ ฉบับที่ 2 ปี 2553

 
คำสำคัญ (Tags): #หมา
หมายเลขบันทึก: 404301เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2010 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สงสารน้องหมานะครับ ผมมีสองตัวชื่อ ดุกดิก กับเจ้าเข้ม น่ารักมากเลยครับ เป็นพันธ์ thousand ways ฮ่าๆๆ

สวัสดีค่ะ

ตอนที่ทำงานอยู่ขอนแก่น  มีผู้ชายคนหนึ่งแกล้งทำท่าทางเหมือนคนเมา  ปล่อยกรงของรถรับแลกหมา  ทำให้หมาวิ่งกระจัดกระจาย  แล้วเขาก็ขับมอเตอร์ไซค์หนีเอาตัวรอด  เพราะเจ้าของกำลังจะไปจับหมาตัวอื่น

แต่เหลือหมาที่พิการลงรถไม่ทัน  ถูกเจ้าของรถตีตายคารถเลยค่ะ น่าสงสารมาก  จำสถานการณ์ได้ดี โหดมาก ๆ ค่ะ

ยายคิมเลี้ยงหมาตั้งแต่จำความได้ เลี้ยงเป็นหมา เป็นเพื่อน ภายหลังก็พาขึ้นบ้าน  จนทุกวันนี้เลี้ยงเป็นลูกค่ะ

หมาที่เลี้ยงง่ายคือ thousand ways  นั่นแหละค่ะ 

หมาก็เหมือนเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร  คนเลี้ยงมีนิสัยอย่างไร เขาก็อย่างนั้นค่ะ

*** ดิฉันเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับรถเร่ เอาถังน้าพลาสติกมาแลกกับหมา ทำให้มองเห็นจิตใจของคนที่ มาขอแลก คนที่ยอมแลก และใจของหมาเมื่อถูกแลก

*** หมา... เป็นพาหนะที่จะนำคนไปสู่ความสุข แต่คนละคะ....

กำลังคิดถึงคุณวาณิชอยู่เหมือนกัน ชอบ "ซอยเดียวกัน" ครับ อีกอย่างที่ชอบคือการเขียนกลอนของคุณวาณิชที่ไพเราะมาก อยากให้มีการรวมเล่มกลอนของคุณวาณิชบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มี หรือใครมีบอกด้วยครับ

ขอบคุณอาจารย์ขจิต ที่แวะมาเยือน ชอบอารมณ์สนุกๆ ของอาจารย์เสมอๆ

  • คุณยายคิม 
  •  ผมก็เพิ่งได้ยิน หมาพันธ์ "เธาซันด์เวย์" จากคุณวานิช แล้วก็จากอาจารย์ขจิต สุดท้ายก็ได้มาจากคุณยายคิม 
  • ไอ้มุกหมาของพี่ชายก็อินเทนด์ เหมือนกัน เพราะมันก็เป็นพันธ์ "เธาซันด์เวย์” ด้วยเหมือนกัน 
  • คนไทยนี่อารมณ์ขันมีให้เสมอๆครับ
  • แต่ที่สำคัญก็คือ ผมไม่ยอมกินเนื้อหมาเป็นเด็ดขาด
  • ขนาดเนื้อวัว ยังไม่กินเลย  แล้วจะกินเนื้อหมาได้อย่างไร
  • สงสารมันครับ

  • ถึงคุณครูกิติยา
  • เพิ่งแวะไปเยี่ยมคุณครูมาที่บล็อคของคุณครู
  • อยู่ที่นี้ก็เจอคุณครูจากเมืองไทยที่เคยมาสอนให้กับลูกสาวตอนเป็นเด็กบ่อยๆ
  • คุณครูคนหนึ่งย้ายจากการเป็นศึกษานิเทศน์ มาอยู่อเมริกาถาวรเลย
  • เอาลูกชายมาเรียนปริญญาตรีที่นี้  
  • ลูกชายเพิ่งบวชให้เมื่อตอนเข้าพรรษา  ผมไปช่วยถ่ายหนังให้
  • เขาช่วยเรา เราก็ช่วยเขาครับ  
  • คนไทยอยู่ที่นี้ช่วยเหลือกันดีครับ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท