มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ได้หารือว่าพบบทความในนิตยสารข่าวที่น่าสนใจมาก อยากให้ทำกฤตภาคข่าว (News Clipping) จะได้อ่านกันเยอะๆ แต่ว่าหน่วยงานเราไม่ได้ทำทั้งกฤตภาคและดัชนีวารสาร เพราะเป็นงานที่ใช้เวลาและกำลังคน อยากจะทำแต่ก็ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ เลยขออนุญาตนำมาเ่ล่าไว้ใน blog แทน
ในคอลัมภ์ "โค้งสุดท้ายปฏิรูปการศึกษา" โดยกมลทิพย์ ใบเงิน ที่มีชื่อบทความว่า "การบ้านชินวรณ์" ใน เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 ส.ค.-ก.ย. 53 เล่าเรื่องการประชุม ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย) ว่าการประชุมครั้งนี้ได้เชิญ รัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ มาร่วมแปลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทของมหาวิทยาลัยในยุคโลกาภิวัฒน์ เพื่อรองรับการเป็นเอกภาพของอาเซียน ที่ตั้งเป้าว่าจะเป็นหนึ่งเดียวในปี 2558 ประเด็นที่น่าในใจของบทความคือ รมต.การต่างประเทศ อยากให้มหาวิทยาลัยเน้นที่ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
1. ควรมีบทบาทในการเตรียมบัณฑิตที่จะเข้าสู่อาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรร่วมมือด้านต่างๆ กับประเทศในอาเซียนให้มากขึ้น แม้ว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่แล้ว แต่ก็เป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่ได้รวบรวมว่า แต่ละแห่งร่วมมือทำอะไร อย่างไร ซ้ำซ้อนกันหรือไม่
2. ไทยจะต้องเผชิญกับการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี ย้ายอุตสากรรมบางประเภทระหว่างกัน บัณฑิตไทยต้องเข้าแข่งขัน และทำงานร่วมกับบัณฑิตจากประเทศอาเซียนอื่นๆ มหาวิทยาลัยไทยจึงควรเน้นให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถ อย่างน้อย 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และภาษาเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน
นอกจากนั้นยังเสริมว่า มหาวิทยาลัยควรใช้ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย ใช้เอกลักษณ์ไทยเป็นจุดขายชาติ ให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าไทย
3. กระทรวงศึกษาธิการไทยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยความรับหน้าที่เจ้าภาพในการ ชำระประวัติศาสตร์ของกลุ่มประเทศในอาเซียน เพื่อลดความขัดแย้ง เพื่ิมความสัมพันธ์ ลืมความบาดหมางเก่าๆ มาร่วมพัฒนาอาเซียนให้ก้าวหน้าร่วมกัน
ที่ประชุม ทปอ. มีมติขอให้รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการของแต่ละแห่ง ไปรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคราวต่อไป อ่านบทความนี้แล้วก็รู้สึกชื่นใจ ว่าคณะเรามีส่วนช่วยให้มหาวิทยาลัยดำเนินงานผลิตบัณฑิตตามที่ รมต.ว่าไว้ครบทั้ง 3 ประเด็นเลย ขอบคุณอาจารย์มิตตที่กรุณาแนะนำข่าวน่าสนใจให้ได้อ่านกันด้วยครับ
ไม่มีความเห็น