เสื้อแห่งความสุข
เมื่อพระราชาป่วยหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
ราชสำนักจึงวุ่นวาย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพระราชาที่แข็งแรงมาตลอดอยู่ ๆ
ก็ต้องมาล้มเจ็บลงอย่างกะทันหัน
พระราชามีอาการไข้สูง หน้าแดง
และลุกเดินหรือแม้เพียงลุกจากเตียงก็ไม่ได้
แต่ทรงเสวยอาหารและทรงดื่มได้เป็นปกติ
หมอหลวงทั้งสิบคนไม่มีใครรู้จักโรคจึงไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้
พระราชาก็เลยสั่งประหารหมอหลวงทั้งสิบคน
ในที่สุดก็ต้องประกาศหาหมอจากภายนอกพระราชวัง
แต่ก็ไม่มีใครยอมมา
พวกหมอทั้งหลายต่างพากันเลิกอาชีพหมอเพราะกลัววินิจฉัยโรคพระราชาไม่ได้
จะพลอยถูกสั่งให้ตายฟรี ๆ
ดังนั้นจึงหันไปหาอาชีพอื่นหรือไม่ก็หลบหนีหาที่ซุกซ่อนตัวในที่ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม มีหมอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสองคน
ที่หนีอย่างไรคงไม่พ้นเพราะชื่อเสียงที่ค้ำคอจนหนีตัวเองไม่ได้
หมอที่มีชื่อเสียงว่าเก่งคนหนึ่งนั้นยากจนเหมือนกับหนูแก่ ๆ
เขาอยู่กับห้องหนังสือและการค้นคว้า
หากว่ารักษาไม่หายก็ไม่เรียกร้อง
หากว่ารักษาไม่หายคนไข้ตายไปญาติก็ยังแซ่ซ้องว่าพยายาม
หมอที่ดีคนนี้ดูพระราชา แต่ไม่ว่าจะตรวจอย่างไรก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
"พระองค์ทรงแข็งแรงยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีก"
หมอบอกกับพระราชา และทันทีนั้นพระราชาก็บอกกับทหารรักษาพระองค์
"เอาหมอไปประหารเดี๋ยวนี้ !! "
ส่วนหมอที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งที่เข้าเฝ้าพระราชา
เขามาด้วยอาการหน้าซีดเหมือนกับไก่ต้ม
หมอคนนี้ไม่เคยอ่านหนังสือหรือค้นคว้าอะไรทั้งสิ้น
แต่เขาเลือกที่จะรักษาคน คนที่ป่วยหนักไม่รักษา
คนไม่มีเงินไม่รักษา และคนแก่ก็ไม่รักษา
หมอสั่งให้พระราชาอ้าปาก แล้วทันทีก็ดีดนิ้วมือเปาะ ๆ
"โอ .. พระราชาป่วยจริง ๆ ด้วย แต่รักษาง่ายมาก"
เขาประกาศพร้อมกับบอกวิธีรักษาเสียงดัง
"ขอให้ไปหาเสื้อของผู้ที่มีความสุขตลอดเวลามาให้พระราชาใส่นอน
เป็นเวลาหนึ่งคืน พระราชาก็จะหายเป็นปกติ" หมอยืนยัน
ทหารจำนวนมากถูกสั่งให้ไปหาเสื้อตัวนั้น
มาให้ได้ก่อนค่ำของวันนั้น ทุกคนแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทาง
เพื่อหาเสื้อแห่งความสุขมาให้พระราชาสวมใส่ให้ได้
ทหารบางคนไปถามเศรษฐีที่ร่ำรวยเหลือล้น
มีบ้านช่องใหญ่โตมีข้าทาสบริวารเป็นร้อย
แต่ก็ไม่มีเศรษฐีมหาเศรษฐีแม้แต่คนเดียวที่บอกว่าตนเองมีความสุข
"อย่าว่าแต่ตลอดเวลาเลย แม้แต่ความสุขเพียงอึดใจเดียว
ข้าก็ไม่เคยจะมีกับเขา"
พวกเศรษฐีทุกคนต่างกล่าวเหมือนกันเช่นนั้น
ทหารบางคนไปหาหัวหน้าข้าราชการและผู้ทรงเกียรติระดับสูง
เผื่อว่าเกียรติยศและตำแหน่งอาจให้ความสุขตลอดเวลาได้บ้าง
ก็พบแต่คนที่ส่ายหน้า
"มีความสุขอะไรกัน วันๆ รักษาหัวให้ติดอยู่กับบ่าได้ก็บุญโขแล้ว"
พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไรจะถึงเวลาที่พระราชาจะสั่งประหาร
"พ่อข้าเคยสั่งเอาไว้ว่า บรรดางานอาชีพทั้งหมด
ที่ควรจะหลีกหนีให้พ้น มีเพียงประการเดียวนั่นก็คือ
งานหรืออาชีพใดที่ทำให้ต้องเข้าไปอยู่ใกล้กับพระราชา"
"แต่พวกข้าไม่เชื่อ และตอนนี้รู้ทั้งรู้ก็ถอนตัวไม่ได้
ถอนก็ตายไม่ถอนก็ตาย แล้วจะให้มีความสุขอย่างไร"
ตกลงเศรษฐี ข้าราชการก็ไม่ใช่ผู้มีความสุขตลอดเวลาได้
ทหารอีกกลุ่มหนึ่งจึงไปหาพวกพระที่หนีไปอยู่ป่าแสวงหาวิเวก
ผู้ปฏิบัติสมาธิโดยคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ที่มีความสุขตลอดเวลาที่สุด
แต่ไม่ว่าพระหรือนักบวชสัญญาสีที่ไหนคนใดล้วนตอบเหมือน ๆ กัน
"หากว่าข้ามีความสุข ข้าจะมานั่งทรมานกายทรมานใจอด ๆ อยาก ๆ กันไปทำไม
เพราะข้ามีแต่ความทุกข์ข้าถึงพยายามหนีตัวเองให้พ้นอยู่นี่ไงล่ะ? "
ตกลงนักบวชหรือพระก็ไม่ใช่ผู้มีความสุขตลอดเวลาอีกเหมือนกัน
ทหารพากันไปหาที่ไหน ๆ ก็ไม่พบคนมีความสุข
เศรษฐี ครูและอาจารย์ก็ไม่มีความสุข
กวีและนักดนตรีเมื่อไม่เขียนหรือท่องกวีหรือเล่นดนตรีก็ไม่มีความสุข
ใครเล่าที่ท่องกวีเล่นดนตรีจนไม่ทำมาหากิน
คนเราลงต้องอยู่กับชุมชนต้องทำมาหากินกัน
และเมื่อไรที่คนต้องทำมาหากิน คน ๆ
นั้นก็ไม่มีทางพบกับความสุขกันทั้งนั้น
เวลาใกล้ค่ำเข้ามาเต็มทีแต่เหล่าทหารก็ยังไม่พบว่าจะมีใคร
สักคน ที่อาจบอกได้ว่าเป็นผู้มีความสุขตลอดเวลา
ในที่สุดพวกทหารต่างก็หมดปัญญาและพากันเดินทางกลับเข้าเมือง
ทันใดนั้นเองทุกคนก็ได้ยินเสียงเพลงแห่งความสุขดังขึ้นมา
ราวกับว่าผู้ร้องมีความสุขเต็มประดา
เสียงเพลงดังก้องไปทั่วท้องถนน
"ข้านี่สิคือความสุข ข้ามีแต่ความสุขและไร้ซึ่งความทุกข์
ไม่ว่าทุกข์ใดแม้วินาทีเดียวก็ไม่สามารถพานพบข้าได้
ข้ามีความสุขอย่างที่สุดจริง ๆ ด้วย ฮา ฮา ฮา"
ทหารต่างวิ่งกรูเข้าไปหาต้นเสียงที่ร้องกังวานนั่น
"ท่านเป็นใคร ? ท่านแน่ใจหรือว่าท่านมีความสุขตลอดเวลาอย่างแท้จริง"
หลายคนตะโกนถาม
"แน่นอนที่สุด เพราะตัวข้าคือตัวความสุข ข้าคือความสุขฮา ฮา ฮา"
ที่หัวเลี้ยวของถนนสายหลักในเมือง
ชายขอทานร่างพิการนั่งร้องเพลงพร้อมกับหัวเราะอยู่ไปมา
ทหารทุกคนเข้ามาห้อมล้อมขอทานผู้นั้น
แต่ทว่า
นอกจากกะลาครึ่งใบกับเศษสตางค์สองสามเหรียญที่ก้นกะลาแล้ว
ขอทานก็ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ อีก
นอกจากผ้าเตี่ยวเก่าๆ ผืนเดียว พอปิดบังส่วนอุจาดตา
ขอทานผู้มีความสุขตลอดกาลผู้นั้น
- ไม่มีแม้เสื้อสวมใส่ -
( John Hay 1838 - 1905)
ขอสองประเด็นครับ
เหตุใดคนหน้าซีด ต้องเหมือนไก่ต้ม
สุดท้ายแล้วพระราชาทำอย่างไรกับหมอคนนี้