ส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้ IE ดิ่งลงต่ำกว่า 50%


รายงานข่าวที่อาจทำให้ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการแข่งขัน โดยเฉพาะการรักษาส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บราวเซอร์ Internet Explorer ที่ล่าสุดเพิ่งจะออก IE9 เวอร์ชันทดสอบ (ใช้ได้เฉพาะระบบที่รัน Windows 7 และ Vista) แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไร เนื่องจากสถิติของยอดผู้ใช้ IE ทั่วโลกในเดือนกันยายนที่ผ่านมาร่วงลงต่ำกว่า 50% แล้ว!!!

          StatCounter บริษัทวิจัยข้อมูลสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตรายงานว่า ส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้ IE ในช่วงเดือนกันยายนตกลงมาอยู่ที่ 49.87% ซึ่งเพียงแค่ 2 ปีจากที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 67% "นี่คืออีกหนึ่งหลักไมล์ที่ชัดเจนของสงครามบราวเซอร์" Aodhan Cullen ซีอีโอของ StatCounter กล่าวในถ้อยแถลง นอกจากนี้ทางบริษัทยังเปิดเผยอีกด้วยว่า บราวเซอร์ดาวเด่นที่กำลังมาแรงแซงรุ่นพี่ โดยมีการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดที่รวดเร็ว และชัดเจนที่สุดก็คือ Chrome ของ Google ซึ่งในเดือนกันยายน Chrome มีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นไปอยู่ที่ 11.54% หรือคิดเป็นการเติบโตถึง 3 เท่าจาก 3.69% ของเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ Chrome เพิ่งจะแซงหน้า Apple Safari (สถิติในสหรัฐ) ได้ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วน Firefox ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสองอยู่ที่ 31.5%

 Microsoft เป็นผู้นำตลาดบราวเซอร์ตังแต่ที่ทางบริษัทพ่วง IE เข้าไปใน Windows เพื่อต่อกรกับ Navigator (บราวเซอร์ผู้นำตลาดที่เปิดให้ดาวน์โหลดในปี 1994 โดยบริษัท Netscape Communications Corp.) และด้วยความที่ Windows ผูกขาดตลาดผู้ใช้ทั่วโลก ดังนั้น IE จึงสามารถเอาชนะ Netscape ได้ไม่ยากนัก แต่หลังจากที่รัฐบาลในประเทศแถบยุโรปได้สั่งให้ MS ไม่ปิดกั้นการแข่งขันจากบราวเซอร์ตัวอื่นบน Windows โดยเปิดหน้าบริการผู้ใช้ Windows ให้เลือกว่าจะใช้บราวเซอร์ตัวใดได้บ้าง แทนที่จะบังคับให้ใช้ IE เพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังผลให้ส่วนแบ่งตลาดของผู้ใช้ IE ลดลงตามลำดับ

 

สำหรับความน่าเชื่อถือของรายงานดังกล่าว StatCounter เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รวบรวมข้อมูลในการทำสถิติครั้งนี้จากหน้าเว็บ 15 พันล้านหน้าจาก 3 ล้านเว็บไซต์ที่ถูกเรียกชมบนเครือข่ายการให้บริการตรวจนับสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ของ StatCounter นอกจาก StatCounter แล้ว Net Applications บริษัทที่ให้บริการในลักษณะเดียวกันรายงานว่า ส่วนแบ่งตลาดของ IE ในเดือนกันยายนลดลงเช่นเดียวกัน แต่มากกว่าครึ่ง โดยอยู่ที่ 59.65% สาเหตุทีตัวเลขต่างกันมากนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีตรวจนับที่แตกต่างกันนั่นเอง

ข้อมูลจาก: statcounter

คำสำคัญ (Tags): #ข่าว it
หมายเลขบันทึก: 402488เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2010 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท