การพัฒนาด้านการเกษตรและชุมชน เมื่อได้จัดการความรู้ จึงได้รับองค์ความรู้ที่ยังไม่ได้รับทราบหรือบางอย่างนั้นหลงลืมไป เนื่องจากไม่ได้นำมาใช้นานแล้ว การขับเคลื่อนแผนชุมชนที่คุณพัฒน์ฐมญชุ์ เชื้อเนียม จากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท นำไปปฏิบัติในพื้นที่แล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงขอเชิญชวนผู้อ่านนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือพัฒนาชุมชนของท่านได้ครับ
ความเป็นมาและแรงบันดาลใจ
คุณพัฒน์ฐมญชุ์ เชื้อเนียม กล่าวว่า แผนชุมชน เป็นเครื่องมือสำหรับหมู่บ้าน/ชุมชน ใช้ในการพัฒนาตนเอง และเป็นเครื่องมือสำหรับหน่วยงานใช้ในการส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนา แผนชุมชนจึงเป็นผลของการบริหารจัดการให้ชุมชนเรียนรู้ จนสามารถค้นหาปัญหา ศักยภาพ และกำหนดเป้าหมายด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของคนทั้งชุมชนให้ร่วมกันคิด ตัดสินใจ นำแนวทางไปใช้ในการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ทั้งระดับครอบครัว และชุมชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต โดยกำหนดกิจกรรมโครงการในลักษณะที่ชุมชนทำได้เองทันทีด้วยความสามารถ และศักยภาพของชุมชน หรืออาศัยความสามารถในการร่วมกันกับหน่วยงานสนับสนุนอื่น ๆ ในการดำเนินการ หรืออาจยกให้เป็นภาระของหน่วยงานภายนอกชุมชนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมโครงการที่เกินขีดความสามารถของชุมชน เมื่อผลการพัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชน สู่จุดมุ่งหมายของการเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง อยู่เย็นเป็นสุข
แผนชุมชนเป็นกระบวนการเสริมสร้างการเรียนรู้ของคนในชุมชน ทำให้รู้จักตัวตนของตนเองและชุมชน สร้างพลังความสามัคคีในชุมชน ทำให้ชุมชนใช้ประสบการณ์ และความรู้ร่วมกันกำหนดทิศทาง แนวทางการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกระบวนการแก้ไขปัญหา มีสาเหตุของปัญหา มีเป้าหมายในการดำเนินการได้ โดยยึดหลักการพึ่งตนเอง ลดการพึ่งพาภายนอก เว้นแต่ที่จำเป็น ด้วยการคำนึงถึงศักยภาพ ทรัพยากร ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมในชุมชนเป็นหลัก แผนชุมชนจึงเป็นของชุมชน ดำเนินการโดยชุมชนเพื่อประโยชน์ของชุมชน ทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาและเชื่อมประสานภาคีการพัฒนา ทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนงบประมาณ และส่วนราชการ อื่น ๆ ได้ด้วย
วัตถุประสงค์
การจัดเรียนรู้การขับเคลื่อนแผนชุมชน จะช่วยในการวางแผนสนับสนุนการจัดทำแผนชุมชนระดับหมู่บ้านในการทบทวนกระบวนการจัดทำแผนชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สำรวจ รวบรวม/วิเคราะห์ข้อมูล ปรับแผนชุมชน/กิจกรรม โครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและความต้องการของชุมชนตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และประกอบการประเมินพัฒนาคุณภาพแผนชุมชน
กระบวนการ/ขั้นตอน วิธีปฏิบัติ
๑. ประสานภาคีการพัฒนา คณะทำงานแผนชุมชนระดับตำบล และแกนนำการจัดทำแผนชุมชนของหมู่บ้าน กำหนดแผนการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ
๒. คณะทำงานแผนชุมชนระดับตำบล และแกนนำการจัดทำแผนชุมชนของหมู่บ้าน สำรวจรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลของหมู่บ้านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนชุมชน วิเคราะห์ปัญหาของหมู่บ้าน แนวทางการแก้ไขปัญหา กำหนดกิจกรรม/โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๓. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ตามประเด็นที่กำหนด คือ
๑) ทบทวนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง/การประยุกต์ใช้
๒) กระบวนการจัดทำแผนชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๓) กรอบ ๕ แผนงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดี มีสุข
๔) การประเมินและพัฒนาคุณภาพแผนชุมชนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
๕) การวางแผนสนับสนุนการจัดทำแผนชุมชนระดับหมู่บ้าน/มอบหมายภารกิจในการสำรวจ รวบรวม/วิเคราะห์ข้อมูลของหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนชุมชน
ปัจจัยที่ส่งผลสำเร็จ
การสนับสนุนส่งเสริมกระบวนการจัดทำแผนชุมชน โดยจัดวางระบบข้อมูลและระบบการติดตามเพื่อใช้ในการดำเนินการขับเคลื่อนการจัดทำแผนชุมชน ควบคู่กับการบูรณาการแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานในพื้นที่อำเภอ ดำเนินการในลักษณะบูรณาการทั้งแผนงาน งบประมาณ และการปฏิบัติในการขับเคลื่อนการจัดทำแผนชุมชน เจ้าภาพหลักควรอำนวยการ ประสาน เร่งรัด ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติของส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน และองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ข้อพึงระวังในการดำเนินงาน
๑. มีการใช้ข้อมูล จปฐ. กชช. ๒ ค และข้อมูลบัญชีรับจ่ายครัวเรือนร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป ร่วมในการวิเคราะห์ และจัดทำแผนชุมชน
๒. มีตัวแทนครัวเรือนในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนชุมชนมากกว่าร้อยละ ๗๐ ของครัวเรือนทั้งหมด
๓. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการจัดทำตั้งแต่ต้น
๔. มีแผนชุมชนเป็นลายลักษณ์อักษร
๕. มีกระบวนการชุมชนตามแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีแผนงาน/โครงการ
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อยู่ดี มีสุข
๖. มีกิจกรรมพึ่งตนเอง (ทำเอง) อย่างน้อยร้อยละ ๓๐ ของกิจกรรมในแผนชุมชน และมีการนำไปปฏิบัติ อย่างน้อยร้อยละ ๓๐ ของกิจกรรมพึ่งตนเอง
ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน
“นักพัฒนาชุมชน” ทำหน้าที่เป็นผู้เอื้ออำนวย (Facilitator) การให้เกิด “พลังชุมชน” ให้ประชาชนใช้พลังชุมชนในการบริหารจัดการงานพัฒนาของชุมชน ด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดความคิด เกิดปัญญารู้คิด รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เกิดเป็น “พลังความคิด” ช่วยจัดกระบวนการกลุ่มทั้งการเรียนรู้ร่วมกันและการเพิ่มทักษะการทำงาน เพื่อสร้าง “พลังการกระทำ” ทั้งยังต้องสร้างกระบวนการอาสาสมัคร ส่งเสริมและสร้างสรรค์ภาวะผู้นำ ให้ตระหนักสำนึกในบทบาทหน้าที่ในการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เสริมแรงจูงใจ กระตุ้น ประสานความร่วมมือร่วมใจให้มีส่วนร่วมและแสดงอำนาจการตัดสินใจอย่างสมบูรณ์เพื่อส่งเสริม “พลังจิตสำนึก” ของประชาชนให้มั่นใจ เชื่อมั่นในศักยภาพของตน จนสามารถกระทำการต่าง ๆ เพื่อความเข้มแข็งของชุมชน
เบอร์โทรศัพท์ ๐ – ๕๖๔๓ - ๐๒๖๓
ไม่มีความเห็น