ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน


ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน

คำตอบคือ กินสายกลาง กินสายกลาง คือ  กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง  +  งดมื้อเย็น

เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์   ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน  หรือกินมื้อเช้า  รถจึงจะวิ่งได้  ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด   เติมอีกครั้ง   ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้   

สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ  มีไข่แดงหนัก 50 กรัม   ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม   ให้พลังงาน 9  แคลอรี่  ฉะนั้น 50 กรัม  ให้พลังงาน 450 แคลอรี่  จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้   โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้  1.3  ก.ก..  ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน  60  รอบต่อนาที  ขี่อยู่นาน60 นาที  จะเหนื่อยหอบ   เหงื่อไหลท่วมตัว   แต่ใช้พลังงานไปเพียง  300 แคลอรี่    ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด

ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า  มื้อเที่ยง  จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ  โดย ตับ เป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก   การเอาไปเก็บในที่ต่างๆ ก็มากทำให้อ้วน  และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ  จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น  ถ้าตันที่สมอง  จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก   ถ้าอุดตันที่ไต  ต้องล้างไต  เปลี่ยนไต   ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง  ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ   ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร   

การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย  เป็นมื้อตายผ่อนส่ง ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว  ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

การไม่กินอาหารมื้อเย็น เป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส  สุขภาพดี   อายุยืน  และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ  แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน   
วิธีฝึกมี 4 วิธี
1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นทีละน้อยๆ  เช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน  เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน  โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็น แล้ว ห้ามกินอาหารใดๆ ทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า   พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ   ต่อไปกินผักผลไม้   สุดท้ายงดอาหารเย็น
2. ร่นเวลากินอาหารเย็น   เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม  ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น  5 โมงเย็น  4 โมงเย็น  สุดท้ายงดอาหารเย็น
3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น  ใช้เม็ดแมงลัก 2  ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที   ดื่มน้ำตามอีก 4-5  แก้ว
4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น   การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ  ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์    พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้  ร่างกายมีเวลาถึง 18  ช.ม.  กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า  มื้อเที่ยงได้ทัน

ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น  จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต  จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด  ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน

หมายเลขบันทึก: 401512เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2010 04:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สวัสดีค่ะ
  • รู้จักอดีตนายอำเภอท่านหนึ่ง  ท่านไม่กินมื้อเย็นมาสามสิบกว่าปีแล้ว
  • สุขภาพแข็งแรง  เดินเหินคล่องแคล่ว ทั้ง ๆ ที่เกษียณมานาน
  • ปกติจะลดมื้อเย็นในวันพระ  อ่านแล้วได้มุมมอง  คงต้องลดละเพื่อสุขภาพ
  • ขอบพระคุณค่ะ

ผมกินมื้อเย็นไม่มากอยู่แล้ว จะหนักก็ผลไม้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท