การจัดการความรู้เพื่อการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรับการระบาดของโรคไข้หวัดนกของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชัยนาท โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนมาก หมอโอ๋(นายกันตภณ ปภากรเกตุรัตน์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสุขภาพสัตว์ ) ได้ส่งประเด็นสำคัญแผนเตรียมความพร้อมสำหรับการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดในคน ระดับปกติตามแผนเฝ้าระวัง และระดับ 2 ดังนี้
1. สำรวจจัดทำฐานข้อมูลสัตว์ปีกในพื้นที่เข้าระบบสารสนเทศ ให้เป็นปัจจุบัน
2. การประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆ และถึงระดับครัวเรือนโดยเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและตำบล ได้แก่ หน่วยงานสาธารณสุขอำเภอ เกษตรอำเภอ ปศุสัตว์อำเภอ ปกครองอำเภอ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจัดสัปดาห์ทำความสะอาดพื้นที่เลี้ยงสัตว์ปีก โดยจัดคาราวานสกัดการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนก ปีละ 4 ครั้ง ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
3. การสำรวจประชากรสัตว์ปีกและค้นหาสัตว์ปีกป่วยตาย
3.1 สร้างเครือข่ายไข้หวัดนกประจำหมู่บ้านๆ ละ 2 คน
3.2 เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอร่วมกับอาสาปศุสัตว์หรือเครือข่ายไข้หวัดนก สถานีอนามัยทุกแห่ง และอสม. เป็นผู้สำรวจ
4. การพ่นยาฆ่าเชื้อ โดยพ่นอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง ครอบคลุมทุกพื้นที่
5. การเก็บตัวอย่างส่งตรวจห้องปฏิบัติการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อค้นหาโรค
6. การตั้งจุดตรวจสัตว์ เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก
7. การเตรียมความพร้อมทีมทำลายสัตว์ป่วยหรือพาหะของโรค
7.1 เตรียมความพร้อมของบุคลากรโดยจัดตั้งทีมทำลายสัตว์ปีกป่วยตาย
7.2 เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และยานพาหนะ
- น้ำยาฆ่าเชื้อเชื้อ 1,000 ลิตร
- ถุงมือ 40 กล่อง
- ชุดทำลายเชื้อโรค รวมทั้ง แว่นตา รองเท้าบู๊ท ผ้าปิดจมูก 50 ชุด
- อุปกรณ์ในการ เก็บตัวอย่าง รวมทั้งอาหารเลี้ยงเชื้อ 500 หลอด
- เครื่องพ่นยา 8 เครื่อง
- รถยนต์ 8 คัน
- รถแบ็คโฮขุด 3 คัน
7.3 การจัดเวรประจำศูนย์ไข้หวัดนกและเวรสารวัตรทุกวัน
7.4 จัดเตรียมสถานที่ฝังและผู้ประกอบการรถแบ็คโฮ
7.5 กรณีสถานที่ทำลายและสถานที่ฝังอยู่ต่างพื้นที่กัน กำหนดมาตรการการควบคุมการเคลื่อนย้ายจากจุดทำลายมายังสถานที่ฝัง ดังนี้
- ใช้ถุงดำ/ภาชนะที่สามารถบรรจุซากสัตว์ปีกได้มิดชิดพร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อ
- รถที่ใช้บรรทุกซากสัตว์ปีกต้องพ่นยาฆ่าเชื้อและการบรรทุกซากต้องเป็นแบบมิดชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดทางอากาศและสิ่งคัดหลั่งที่รั่วซึม
- เส้นทางการเคลื่อนย้ายจากจุดทำลายไปยังสถานที่ฝังต้องเป็นเส้นทางที่ไม่ผ่านแหล่งชุมชนหรือแหล่งที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีก
8. จัดทำมาตรฐานสนามชนไก่
9. การปรับเปลี่ยนระบบการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งให้เข้าสู่ฟาร์มหรือโรงเรือน
10. การปรับระบบการเลี้ยงไก่หลังบ้าน
11. กำหนดพื้นที่เสี่ยง / จัดระบบเฝ้าระวังในนกธรรมชาติ
การเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดในคน
1. จัดเตรียมคลังเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตามมาตรฐานขั้นต่ำ
2. ฝึกทักษะการใช้ PPE แก่บุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ
3. จัดเตรียมประสานช่องทางในการสำรอง PPE/วัคซีน/เวชภัณฑ์โดยจัดทำทะเบียนรายชื่อ
เครือข่ายทุกระดับ ทั้งภาครัฐและเอกชน
4. ควบคุมกำกับผู้ดูแลระบบ VMI ในโรงพยาบาล
5.วางแผนประชาสัมพันธ์การจัดทำหน้ากากอนามัยในครัวเรือน
6. จัดหาและตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ ให้ มีความพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
7. กำหนดหน้าที่/มอบหมายภารกิจ รับผิดชอบการเบิก-จ่าย/คุม stock / จัดส่งและพาหนะ
8. จัดเตรียมความพร้อมของวัสดุ อุปกรณ์สำหรับ PHER TEAM
9. กำหนดแนวทางการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์/เวชภัณฑ์ ในสถานการณ์ที่มีการระบาดใหญ่
10. ทบทวนแนวทางการคัดกรอง /ชันสูตร
11. ทบทวนแนวทาง IC
12. ทบทวนแนวทางการดูแลรักษา การให้ยาต้านไวรัส การส่งต่อ
13. ฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ แก่บุคลากรแพทย์ พยาบาล จนท. ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
15. เตรียมความพร้อม สอ. ในเรื่องการคัดกรองผู้ป่วย
16. อบรมให้ความรู้แก่ อสม. ในการช่วยคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่
17. เฝ้าระวังในชุมชน ผู้ป่วยมีอาการสงสัยไข้หวัดใหญ่ , ปอดอักเสบ
18.เฝ้าระวังผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ (จากพื้นที่เสี่ยง) ที่เข้ามาในหมู่บ้าน
19.เฝ้าระวังในโรงพยาบาล คัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการเข้าตามนิยามไข้หวัดใหญ่ – ปอดอักเสบ
การเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการระบาดในสัตว์ปีก
1. สอบสวนโรคเบื้องต้น
- จัดทีมควบคุมโรคไข้หวัดนกเข้าไปสอบสวนโรค ณ. จุดเกิดเหตุ และรอบจุดเกิดเหตุ
- หากตรวจดูเบื้องต้นด้วยอาการและวิการว่าไม่ใช่โรคไข้หวัดนก ให้ตรวจสอบหาสาเหตุอื่นโดยส่งตัวอย่างตรวจ ณ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์
- ตรวจดูเบื้องต้นว่าใช่หรือสงสัยให้รายงานเบื้องต้นกับหน่วยงาน/กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น เช่น
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วสอบสวนโรค และประกาศเขตโรคระบาด
หรือสงสัยว่าเป็นโรคระบาด
2. ทำลายสัตว์ปีก ในกรณีพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติตามนิยามโรคไข้หวัดนก
- สัตว์ปีกในฟาร์มที่เป็นโรค โดยถ้าฟาร์มสัตว์ปีกนั้นมีหลายโรงเรือน ภายในฟาร์มให้ทำลายสัตว์ปีกหมดทั้งฟาร์ม
- ฟาร์มอื่นๆ ที่มีเหตุอันเป็นได้ว่า สัตว์ได้รับเชื้อโรคไข้หวัดนก
- ดำเนินการทำลายสัตว์ปีกโดยเร็วที่สุดไม่เกิน 12 ชั่วโมง
3. ทำลายเชื้อโรค
ทำลายเชื้อโรคในฟาร์มที่เกิดโรคหรือควบคุมให้เกษตรกรดำเนินการทำลายเชื้อโรค ดังนี้ยานพาหนะ ใช้เครื่องฉีดแรงดันสูงทำความสะอาดยานพาหนะที่ใช้บรรทุกสัตว์ปีก พ่นยาฆ่าเชื้อบนรถและล้อรถให้ทั่วทุกซอกทุกมุมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆในโรงเรือน แช่ล้างและขัดวัสดุอุปกรณ์ในน้ำผงซักฟอกเพื่อขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกอื่นๆ แช่อุปกรณ์ต่างๆในน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โรงเรือน ล้างและขจัดคราบไขมันหรือสิ่งสกปรกออกโดยใช้น้ำผงซักฟอก ฉีดพ่นบริเวณโรงเรือนและรอบโรงเรือนทุกวันเช้า-เย็นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ถาดไข่ แช่ถาดไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นระยะเวลานาน 10-30 นาที รมควันถาดไข่ในห้องแบบปิดหรือใช้ผ้าพลาสติกคลุม ไข่บริโภคใช้วิธีจุ่มไข่ในน้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มไฮโปโคลไรท์ 20 ppm. ในส่วนของไข่ฟักใช้วิธีรมควันอีกทั้งติดตามการทำลายเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงต่อโรคระบาด เช่น พื้นที่เขตติดต่อจังหวัดใกล้เคียง พื้นที่แหล่งนกธรรมชาติอาศัย พื้นที่เคยพบโรคระบาดในสัตว์ปีก
4. เตรียมความพร้อมวัสดุ อุปกรณ์ และน้ำยาฆ่าเชื้อ เพิ่มจากปกติ 2 เท่า
5. ชดเชยความเสียหายของเกษตรกรจากการทำลายสัตว์ปีก
6. ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์
7. การประชาสัมพันธ์ จัดทำข่าวสารที่เป็นปัจจุบันให้ข้อมูลแก่สาธารณชน /ประสานความร่วมมือ กับสื่อมวลชน การแถลงข่าว / เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และสื่อมวลชน
8. จัดทีมสอบสวนโรคระบาด ติดตามและประเมินผล
สรุปประเด็นการระบาดของโรคไข้หวัดนกในคน ระดับ 2
ต้องทำการ ติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกและในคน ประสานข้อมูลการเฝ้าระวังโรคในสัตว์ปีก เพื่อเชื่อมโยงสถานการณ์ในคน วิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งเตือนผ่านศูนย์ปฏิบัติการ Warroom หรือ website ทบทวนระบบรายงาน/ขั้นตอน เมื่อพบผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดนกหรือไข้หวัดใหญ่ที่เป็น cluster ของสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ แจ้งแนวทางการคัดกรอง/วินิจฉัยโรคไข้หวัดนก/ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ เตรียมความพร้อมทีมเฝ้าระวัง สอบสวนและควบคุมโรค (SRRT) ทุกระดับ จัดเตรียมเวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ป้องกัน สำรองเพียงพอ การบริหารระบบคงคลัง (VMI) ใน รพ. ทุกแห่ง ให้เป็นปัจจุบันทุกเดือน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในบุคลากรกลุ่มเสี่ยง พัฒนาศักยภาพบุคลากรแพทย์ อบรมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่อาสาสมัคร และ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกช่องทาง
ดีมากเลยค่ะ แฮะๆ
ดีมากเลยครับ
ดีมากเลยค่ะ
ดีค่ะทำงานร่วมกันดี
เตรียมความพร้อมดีมากครับ
ดีครับ
อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้น
ดีมากครับแต่รถแม็คโครน้อยไปหน่อย