แอนนี่ ฟิล์ม กับเหยื่อของความเห็นแก่ตัว


ไม่มีวันที่คุณจะปกป้องคนที่คุณรักได้ตราบใดที่คุณยังคิดถึงแต่ตัวเอง

ขอย้ำอีกครั้งว่า "ไม่มีวันที่คุณจะปกป้องคนที่คุณรักได้ตราบใดที่คุณยังคิดถึงแต่ตัวเอง"

ช่วงที่วิปัสสนา 10 วันไม่ได้พูดไม่ได้คุยกับใครตัดขาดจากโลกภายนอก พอจบคอร์สเดินทางถึงบ้านถึงได้รู้ว่าข่าวใหญ่ตอนนี้ก็คือเรื่องฉาวๆ คาวๆ ของวงการบันเทิง ความตั้งใจที่จะนำเสนอความรู้ด้านการวิปัสสนา ถูกกั้นสกัดด้วยเรื่องทางโลกโลกียะ แต่ก็เห็นว่าอาจจะสามารถชี้นำพาบางสิ่งผ่านเรื่องราวอันน่าหดหู่นี้เชื่อมโยงสู่โลกแห่งธรรมะได้

ยังไง? ....เห็นกันอยู่ว่าเรื่องราวของ ดารา ไม่ว่าจะสุขหรือเศร้านั้นสร้างความบันเทิงให้ผู้ติดตามได้เสมอสิน่า ชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเศร้าและพวกเขาที่เกี่ยวข้องกันจนเป็นเหตุแห่งเรื่องนี้นั้นตอนนี้กำลังจมอยู่บนกองทุกข์ ....โลภ โกรธ หลง คุณได้เห็นสามสิ่งนี้เขียนบทให้กับตัวละครคนพวกนั้น คุณได้เห็นมหิทธานุภาพแห่งกิเลสเหล่านี้ที่ครอบงำเราทุกคนลองคิดให้ดี เราทุกคนก็ไม่ต่างกัน เราคลุกคลีอยู่กับเหตุให้เกิดทุกข์อยู่เสมอ ขอให้ผมบอกคุณว่าการฝึกวิปัสสนานั้นมีความจำเป็นมากสำหรับผมซึ่งยังต้องใช้ความพยายามให้มากกว่านี้ในการฝึกปฏิบัติ ในครั้งต่อๆ ไป สำหรับคุณที่บังเอิญได้อ่านบันทึกหน้านี้ของผม จะดีมากถ้าพวกคุณหาโอกาสไปฝึก และสำหรับพวกเขา แอนนี่-ฟิล์ม รวมถึงทุกชีวิตที่กำลังถูกกิเลสกลืนกินวิญญาณ แน่นอนผมก็ยังคงอยู่กับมัน...กิเลส

และต่อจากนี้คือ ความคิดเห็นส่วนตัว ...เพื่อจะชี้ให้คุณเห็นว่าในฐานะของคนที่กำลังประสบปัญหาและเผชิญหน้ากับผลพวงแห่งกรรมอย่างผมอยู่นั้นมีความรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ เพราะกรณีของผมก็คล้ายกันตรงที่ว่า คำว่าเด็กและสตรี ถูกใช้เป็นเครื่องมือ และผู้ชายมันเลวตลอด...ชิมิ

1. มีคนเดียวที่ผมเห็นใจ และเศร้าใจอย่างสุดซึ้งที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับชีวิตเขา ก็คือ "เด็ก" เสียงในกมลสันดานเดิมของผม เสียงแห่งโทสะเดิมๆ ที่มันดังก้องอยู่ในหัว เมื่อติดตามข่าวนี้ได้สักระยะ บวกกับ สัญญา ความทรงจำที่ผมมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ หยาบคายนัก มันสำเนียกว่า "(ตู๊ด)..เอ๊ย นี่มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงแม่งแค่คิดถึงแต่ตัวเอง..(ตู๊ด) มึงแมร่งไม่ได้คิดถึงลูกมึงเลย" (ตู๊ด คือ เสียงเซ็นเซอร์คำด่า นี่ขนาดฝึกอุเบกขามาแล้วนะเนี่ย) คุณแน่ใจเหรอว่าลูกของคุณจะรู้สึกภูมิใจและเป็นปลื้มเมื่อพบว่าครั้งนึงเมื่อตอนเขายังเป็นเด็กเล้กเล็กเนี่ยเขาเคยได้ออกรายการทีวีต่างๆ ช่วยให้แม่ที่ถูกลึมกลับมามีชื่อเสียงเป็นที่สนใจได้เพียงข้ามคืน ไม่มีใครรับว่าเป็นพ่ออีกต่างหาก ทุกวันนี้(ในอนาคต) ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นพ่อกันแน่ (เชื่อแม่ดีมั้ยนะ) บางทีเขาอาจจะบอกกับแม่ของเขาเหมือนใครบางคนที่แม่เค้าเคยรู้จักเคยขอร้อง..ไม่แน่เค้าอาจถามแม่เค้าว่า "แม่ครับทำไมแม่ไม่ตรวจดีเอ็นเอไปเลย" ไม่ตลกใช่มั้ย...แน่นอนว่าเด็กยังไม่มีความคิด และแน่นอนว่าไม่มีใครคิดแทนคนอื่นได้เมื่อเขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเขาเอง งั้นก็อย่าคิดแทนเขา แต่พยายามคิดหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เขา ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อเขา ผมว่าที่ทำอยู่นี่...มันไม่ใช่

2. เห็นได้ชัดว่าผมไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงกล่าวอ้างหลายคำ ทำไม? (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเชื่อสิ่งที่ฝ่ายชายบางคนโจมตีเธอ) ก็เพราะผมมีปมในใจใช่มั้ย ก็ถูกต้องส่วนหนึ่ง ผมเคยติดกับดักความไร้เดียงสา สังคมทุกวันนี้มีแต่การมองหาผลประโยชน์ การแก่งแย่ง เอาชนะ เอาดีใส่ตัว สิ่งที่ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือ   ผมอยากพูดถึงพวกสิทธิสตรี พวกช่วยเหลือเด็กและสตรีทั้งหลายแหล่ พวกคุณเคยคิดบ้างมั้ยว่าพวกคุณถูกหลอก โอเค โดยสถิติแล้วด้วยขนบฯ หลายอย่างของชาวไทยเราบวกกับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ชายจะเลวกว่าผู้หญิง แนวโน้มที่ผู้ชายจะเอาเปรียบมีมากกว่า แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงทั้งหมดดีร้อยเปอร์เซ็นงั้นเหรอ มันก็ไม่ใช่ ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ถ้าสิ่งไหนมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งคุณควรจะพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนมากกว่าแค่ใช้ความรู้สึกในการตัดสิน เพราะผู้ชายมันก็มีแม่ของมันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ผมมีเหตุผลที่จะไม่เชื่อการกระทำของ แอนนี่ บรู้ค มากกว่าใช้ความรู้สึก หรือ สัญญาเดิมๆ ตัดสิน ผมขี้เกียจอธิบายเหตุผลนี้ แค่อยากขอให้คุณมองอะไรทั้งสองด้าน คิดแบบองค์รวมอย่าแบ่งแยกเพศหญิง เพศชาย คิดในฐานะเป็นดวงจิตดวงหนึ่ง สังเกตุและวิเคราะห์ คุณจะมองเห็นความจริง ผมชื่นชมคุณ แวร์ โซว ผมไม่เคลือบแคลงเลยว่าในฐานะแม่แล้วเธอทำได้ดีระดับหนึ่ง  คุณจะได้รับความเคารพนับถือ เวลาที่คุณสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างถูกต้องและมีมนุษยธรรมอย่างแท้จริง

 

ยังไงก็แล้วแต่ทุกคนสามารถทำผิดพลาดกันได้ ผมเคยหลงทางแต่ก็มีคนเตือนสติผมแต่ก็ช้าไป เพราะผมได้ทำบางอย่างที่ผมทำไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ เช่นการระบายเรื่องของลูกโพสท์ลงบนเว็บไซส์ ดีที่ยังไม่เลยเถิดกว่านี้  มันเกิดขึ้นเสมอ คำว่าสำนึกผิด

เด็ก โดยเฉพาะเด็กทารกคือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด เขายังไม่เคยทำร้ายใคร เขายังไม่มีจิตที่ปรุงแต่ง อย่าบอกว่าคุณรักเขาอยากดูแลเขา ปกป้องเขาเพราะคุณเป็นแม่เขา มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับคนเป็นแม่มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย มันมีวิธีการที่เหมาะสมในการจัดการกับปัญหานี้ แต่คุณไม่ทำ ไม่ใช่เพราะคุณไม่รู้ แต่เพราะคุณอยากทำอะไรเพื่อตอบสนองความต้องการในจิตใต้สำนึกของตัวคุณเอง คุณเข้มแข็งไม่ต้องการใครแล้วคุณจะป่าวประกาศทำไม? คุณหยุดได้ถ้าคุณอยากหยุด

คุณกำลังทำอะไรอยู่ เราหาคนรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย สังคมนี้มีแต่คนโยนความรับผิดชอบอันยุ่งเหยิงให้พ้นตัว เพราะอันที่จริงคุณไม่รู้จักตัวเอง คุณไม่รู้ตัวว่าคุณทำอะไรอยู่คุณทำตามคำบงการของกิเลสด้วยความเห็นแก่ตัว เราทุกคนต้องอยู่กับกิเลสไปตลอดชีวิตเมื่อพ่ายแพ้ต่อมันเราต้องรีบมีสติและลุกขึ้นให้ได้เร็วที่สุดเพื่อสู้กับมันอีกครั้ง  ทำเพื่อคนที่เรารัก ขอให้บอกกับตัวเองอย่างจริงใจ ว่าตอนนี้เรากำลังทำเพื่อคนที่เรารักอยู่ จะไม่มีใครเดือดร้อนหรือเดือดร้อนน้อยที่สุดถ้ามันเป็นทางออกที่ดี ความจริงนั้นอยู่กับเรามันอาจไม่ปรากฏในวันนี้ แต่เราจะภูมิใจได้เมื่อความจริงปรากฏในวันหนึ่ง ความจริงที่ว่าเราทำเพื่อคนที่เรารักไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง มองตาเค้าสิ ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ คุณเป็นแม่ที่ดี..กว่านี้ ได้อีก.....แอนนี่   ผู้ชายเลวๆ ช่างหัวมัน  ไปฝึกวิปัสสนาซะ! (แล้วจะรู้เอง)

หมายเลขบันทึก: 400198เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2010 14:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรสำหรับเรื่องนี้ แต่ ขอชื่นชมว่า น้องเขียนได้ดีมาก

เกลียดฟิล์มค่ะ เห็นแก่ตัว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท