รื้อสัญญาเงินกู้ข้าราชการ ‘ขรรค์’ รับดอกเบี้ยสูง แถมล็อกขั้นต่ำ 6.25% กบข. ชี้สมาชิกบ่นอื้อ!


ดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ขรรค์สุดทนสมาชิก กบข. ร้องเรียนกู้เงินซื้อบ้านแต่ถูกคิดดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม สั่งทบทวนเงื่อนไขด่วน  ให้ดอกเบี้ยถูกลง นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ประธานบริการด้านการเงินของ ธอส. ทบทวนเงื่อนไขการปล่อยกู้ซื้อบ้านให้กับสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ใหม่    เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกว่าสัญญากู้เงินมีเงื่อนไขทำให้ผู้กู้เสียเปรียบในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขาลง ทำให้ลูกค้าเสียดอกเบี้ยหลังปล่อยลอยตัวสูงเท่ากับผู้กู้ตามปกติ ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ให้บริการแก่สมาชิก กบข.   เข้าใจว่าเงื่อนไขดังกล่าวกำหนดไว้หลายปีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำนายขรรค์ กล่าว ทั้งนี้ การปล่อยกู้ให้สมาชิก กบข. จะให้สมาชิกเลือกกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีของธนาคาร และหลังจากนั้นให้ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR-2.25% แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยคงที่ 3 ปีแรก ซึ่งเงื่อนไขในส่วนท้ายนี้ทำให้เกิดปัญหาร้องเรียนมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรกปัจจุบันอยู่ที่ 6.25%   ขณะที่อัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 7.75% นำไปหัก 2.25% เหลือดอกเบี้ย 5.50%   แต่สมาชิกกลับไม่สามารถผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยนี้ เพราะเงื่อนไขกำหนดว่าต้องไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยคงที่ 3 ปี 6.25% ทำให้สมาชิกไม่ได้รับประโยชน์เลยกรณีที่อัตราดอกเบี้ยลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงก็ต้องจ่ายสูงตามจริง   ธอส.จะดูแลเงื่อนไขออกมาให้เป็นประโยชน์กับสมาชิก กบข. มากที่สุดนายขรรค์ กล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันมีข้าราชการเป็นสมาชิก กบข. จำนวน 1,164,604 ราย ที่มีสิทธิในโครงการสินเชื่อ ธอส.-กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ   ล่าสุดโครงการ 3 ซึ่ง กบข. ร่วมกับ ธอส. กำหนดระยะเวลาให้กู้ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2549 และให้ผู้ทำนิติกรรมจดจำนองหลักทรัพย์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรากฏว่า โครงการดังกล่าว ได้รับการตอบรับจากสมาชิกจำนวนมาก มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 5 หมื่นคน      คิดเป็นวงเงินยื่นกู้ทั้งสิ้นกว่า 4 หมื่นล้านบาท สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการยังคงเน้นในเรื่องสิทธิพิเศษที่จะได้รับ อาทิ วงเงิน การให้สินเชื่อที่ธนาคารกำหนดไว้สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หรือไม่เกิน 65 เท่าของเงินเดือน  ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี เป็นต้น โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป   ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคงค้างของ ธอส. ในปี 2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 469,733 ล้านบาท  ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2549 เพิ่มขึ้นมาเป็น 474,148.9 ล้านบาท   ทางด้านสินเชื่อปล่อยใหม่ของ ธอส. ในปี 2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 129,636 ล้านบาท  ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,263.5 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการชะลอตัวไปบ้างเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ประมาณการในปีนี้จะมีการปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งสิ้น 115,000 ล้านบาท ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ กบข. ชี้แจงปัญหาดังกล่าวว่า กบข. อยู่ระหว่างการเจรจาในส่วนอัตราดอกเบี้ย  ขั้นต่ำ และได้ทำหนังสือถึง ธอส. เพื่อขอยกเลิกเงื่อนไขข้อดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ธอส.  


ทั้งนี้ กบข. ขอชี้แจงสมาชิกว่าโครงการเงินกู้ทุกโครงการ กบข.  ไม่ได้สนับสนุนเงินทุนในการปล่อยกู้แก่สมาชิก เป็นการให้กู้ตามธุรกิจปกติของธนาคาร แต่ กบข. จะเจรจาเงื่อนไขที่ดีที่สุดใน ขณะนั้นให้แก่สมาชิก   ดังนั้นเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการจึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารได้กำหนดขึ้น ต่างจากโครงการปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ที่ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งสามารถให้ดอกเบี้ยที่ต่ำ เนื่องจากประกันสังคมมีการนำเงินมาฝากไว้ที่ ธอส. ทำให้ ธอส. มีต้นทุนเงินฝากไม่สูงนัก                                                                           โพสต์ทูเดย์  19  ก.ค.  49
หมายเลขบันทึก: 39776เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2006 11:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท